รัฐสภา 14 ก.ค.- “ส.ว.เสรี” ยืนยันพรรคก้าวไกล ยื่นแก้ไขมาตรา 272 เป็นการดิสเครดิต ส.ว. ขอทำหน้าที่ต่อไม่เกรงกลัว เพราะถูกตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ย้ำควรอยู่ครบวาระ 5 ปี
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการที่พรรคก้าวไกล จะเสนอยกเลิกมาตรา 272 ที่ให้ ส.ว. ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะต้องใช้เสียง ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ซึ่งเคยทำมาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ ส.ว. จะปิดสวิตช์ตัวเอง ซึ่งการยกเลิกหรือแก้ไขไม่สามารถทำได้ แต่มองว่าเป็นความต้องการปิดสวิตช์ ส.ว.หรือ ดิสเครดิต ส.ว. และทำให้ ส.ว.ลดความน่าเชื่อถือ เพื่อนำมาวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเท่านั้น โดยไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจของ ส.ว.
ส่วนหากต้องการให้การเลือกนายกรัฐมนตรีเดินหน้าต่อไปได้พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร ต้องมากกว่าการปิดสวิตช์ส.ว. หรือให้ ส.ว.ลาออกนั้น นายเสรี ระบุตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะอยู่ในช่วงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ทำได้คือต้องหาเสียงสนับสนุนจากรัฐสภา เลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ 376 เสียง หรือจะมาจาก ส.ส.ฝ่ายเดียวก็ได้ ไม่ต้องมาใช้บริการ ส.ว. เพราะ ส.ส.มี 500 เสียง ก็ไปรวมให้ได้ 376 เสียง ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ต้องมาปิดสวิตช์ ส.ว.ให้ยุ่งยากเพราะปิดไม่ได้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ การที่ระบุว่ามีการดิสเครดิต ส.ว. เพื่อทำให้ประชาชนไม่พอใจ ส.ว. นายเสรี กล่าวว่า อยู่ที่ว่า ส.ว.มีจิตสำนึกรับผิดชอบในการทำหน้าที่มากน้อยแค่ไหน ถ้าไปห่วงเสียงกดดันและข่มขู่ ให้ร้ายและไม่ยอมทำตามรัฐธรรมนูญ หรือหลักการที่ถูกต้องเหมือนกับว่าเราไม่รับผิดชอบ เอาตัวรอด กลัวเสียงก่นด่า หรือไม่ชอบอีกฝ่ายหนึ่งดังนั้น วุฒิสภาต้องยึดหลักให้มั่น ทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะเป็นหลักการที่เป็นประโยชน์ให้กับคนทั้งประเทศ ไม่ใช่คนบางกลุ่มที่มาเรียกร้อง
ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลยอมลดเพดานไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 ทาง ส.ว.จะมีการพิจารณาเลือกนายพิธาหรือไม่ นายเสรี ระบุสำหรับตนจะไม่นำมาพิจารณาแล้ว ที่ผ่านมาเป็นเครื่องยืนยันได้ เพราะเจตนาที่พรรคก้าวไกลทำและเสนอต่อสาธารณะเพื่อต้องการกระทบสถาบันฯ และแนวนโยบายดังกล่าว พรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอดว่า ไม่ถอย แต่หากเสนอไม่แก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่มีหลักประกันอะไร หากลงคะแนนให้ ในวันพรุ่งนี้จะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมืออีกหรือไม่ และอาจเดินไปตามหลักเดิม
ส่วนหากไม่มีการถอยจะเป็นจุดปิดตายของพรรคก้าวไกลและให้พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแทนหรือไม่ นายเสรี ระบุแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา หากนายพิธาไม่ผ่านก็เสนอคนอื่นขึ้นมาได้ แต่สิ่งสำคัญคือแนวนโยบายพรรคก้าวไกลที่ร่วมรัฐบาลก็ยังเป็นปัญหาอยู่ หากนำพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลและยังมีแนวคิดดังกล่าว กระทบกับสถาบัน ก็มีโอกาสจะไม่ผ่าน ดังนั้นต้องไปจับขั้วหรือพรรคให้ดี และรวมพรรคให้เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ 251 เสียงขึ้นไป โดยส่วนตัวคงไม่อยากชี้ว่าพรรคใดต้องร่วมกับพรรคใด ให้ ส.ส.ไปจัดกระบวนทัพของแต่ละฝ่ายแต่ละกลุ่ม
นายเสรี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย หากในอนาคตเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยและจะมีการแก้ไขมาตรา 272 เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการเสนอให้ปิดสวิตช์ ส.ว.และตัดอำนาจหน้าที่ ส.ว. อีกทั้ง ส.ว. อยู่จะครบ 5 ปีอยู่แล้ว การเสนอแก้ไขมาตรา 272 คงไม่สามารถทำได้ เพราะต้องใช้เสียง 1 ใน 3 คงปิดสวิตช์ไม่สำเร็จ โดยส่วนตัวมองว่า ส.ว.ควรจะทำหน้าที่ให้ครบวาระ เพราะการทำหน้าที่มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี แก้ปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง เช่นวิกฤติที่เกิดขึ้นในการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติมีลักษณะต้องห้าม มีนโยบายกระทบสถาบัน สิ่งนี้คือภารกิจดังนั้นในช่วง 5 ปีต้องทำงานให้ครบวาระ.-สำนักข่าวไทย