บช.ก. 10 ก.ค. – “อัจฉริยะ” พาตำรวจชลบุรีเกือบ 10 นาย เข้าแจ้งความ ปปป.เอาผิดรองสารวัตรจราจรนายหนึ่ง ระบุทำพยานหลักฐานเท็จ กรณีการเข้าตรวจค้นเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำตำรวจชลบุรีเกือบ 10 นาย เข้าแจ้งความที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเอาผิดรองสารวัตรจราจรในชลบุรีนายหนึ่ง ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษอาญา จากกรณีที่ตำรวจในดังกล่าวมีการทำพยานหลักฐานเท็จกรณีการเข้าไปตรวจค้นเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ AK 47 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีการสร้างพยานหลักฐานและคำร้องการขอหมายค้นบ้านของผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าวและบ้านของรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ซึ่งขณะนั้นมีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งต่อมาในภายหลังมีการตรวจสอบข้อมูลเอกสารและบุคคลที่เซ็นชื่อในหนังสือดังกล่าวพบว่าเป็นการบังคับและเกลี้ยกล่อมให้เซ็นเอกสาร
นอกจากนี้ยังมีอีกกรณีที่รองสารวัตรจราจรนายดังกล่าวเข้าไปมีส่วนรู้เห็นและทำให้ต้องพาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดเข้ามาแจ้งความในวันนี้คือ กรณีการเข้าไปตรวจค้นจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของนายเป้ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นกรณีการเรียกรับเงินผลประโยชน์โดยอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีและพวกจำนวน 120-140 ล้านบาท ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังที่ผ่านมา โดยรองสารวัตรนายดังกล่าวได้เข้าไปมีส่วนในการทำหนังสือและเอกสารหลักฐานปลอมเพื่อขอหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการนำชื่อและลายมือของบุคคลอื่นเข้าไปเซ็นกำกับรับรองในหนังสือคำร้องขอหมายจับแต่ละฉบับ จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวทั้ง 2 กรณีรวมกว่า 10 นาย ก่อนที่จะมีการดำเนินคดีโดยคณะทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เข้าไปดูแลคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ หนึ่งในตำรวจที่เข้าแจ้งความได้เปิดใจว่า กรณีดังกล่าวตนเองได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากเพราะต้องเดินทางไปกลับระหว่างจังหวัดชลบุรีและกรุงเทพฯ หลายครั้งและได้รับความเสียหายจากการกระทำของรองสารวัตรจราจรในดังกล่าว ยืนยันว่าการออกหมายค้นและหมายจับของทั้งสองกรณีตนเองและพวกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับเงินหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับกรณีดังกล่าว แต่เป็นการเกลี้ยกล่อมและบังคับให้ลงลายมือชื่อในการเขียนคำร้องต่าง ๆ แต่บอกว่าเหตุใดตนเองจึงต้องถูกดำเนินคดีในเรื่องนี้และยินดีชี้แจงกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
นอกจากนี้นายอัจฉริยะยังกล่าวถึงกรณีที่ตนเองถูกนำภาพจากกล้องวงจรปิดภายในอาคารกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ โดยกล่าวหาว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับเงินของอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีจากนายเป้ โดยเป็นภาพขณะตนเองเดินทางเข้าไปภายในตึกกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์และมีการพูดคุยกับเครือข่ายของขบวนการดังกล่าว โดยยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุนั้นตนเองเดินทางไปเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีของเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของดารา พ. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของเว็บพนันออนไลน์ของนายเป้หรือการเข้าจับกุมของอดีตรองผู้การจังหวัดชลบุรี อีกทั้งช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายเป้กับช่วงเวลาที่ตนเองเดินทางไปเป็นคนละช่วงเวลากัน
ทั้งนี้การนำภาพวงจรปิดดังกล่าวออกไปเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนมองว่าเป็นการเข้าข่ายความผิดละเมิด พ.ร.บ PDPA แล้วทำให้ตนเองเสียหายจึงเอาผิดกับผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและพวก พี่นำภาพของตนเองไปเผยแพร่ดังกล่าว ส่วนที่จะมีการดำเนินคดีเอาผิดกับผู้สื่อข่าวที่นำภาพวงจรปิดดังกล่าวไปเผยแพร่หรือสถานีโทรทัศน์ที่เผยแพร่หรือไม่นั้น ยืนยันว่าขณะนี้จะยังไม่ดำเนินคดีใด ๆ กับสื่อและผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว เพราะบอกว่าทางสถานีและผู้ประกาศในช่วงเวลาดังกล่าวได้ช่วยอ่านข่าวแก้ไขให้ในเวลาต่อมาแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวหญิงคนดังกล่าวมาดำเนินการเช่นนี้อีก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้แจ้งทั้งหมดเสนอผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป. -สำนักข่าวไทย