กรุงเทพฯ 1 พ.ค. – โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ยินดีไทย-จีน ให้การตอบรับสินค้าและบริการระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง มุ่งผลักดันการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนให้ถึง 7 แสนตัน ในปี 2566 พร้อมยกระดับมาตรฐานคงคุณภาพทุเรียนทุกขั้นตอน ด้านท่องเที่ยวไทยอันดับ 1 มีจำนวนเที่ยวบินมาจีนมากที่สุด
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยและประเทศจีน ให้การตอบรับสินค้าและบริการระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการส่งออกผลไม้ไทย และภาคการท่องเที่ยว ซึ่งไทยมีแผนผลักดันการส่งออกทุเรียนไปยังตลาดจีนในปี 2566 ให้ได้ปริมาณไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว สำนักข่าว Xinhua รายงานว่าไทยติดอันดับ 1 จากทั้งหมด 5 อันดับของประเทศที่มีจำนวนเที่ยวบินมาจีนมากที่สุด สะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุเรียน หนึ่งในผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของไทย ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวจีน และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ว่าในฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกปี 2566 จะสามารถสร้างผลผลิตเพื่อส่งออกทุเรียนสดไปยังประเทศจีนได้ในปริมาณไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน สร้างรายได้เข้าประเทศได้กว่า 100,000 ล้านบาท โดยจะบูรณาการความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน สมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่ (MAFTA) สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย สมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีน สมาคมทุเรียนไทย (TDA) และสมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทยที่ทำงานร่วมกับกรมวิชาการเกษตรอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน และรักษาคุณภาพทุเรียนให้คงตามมาตรฐานของประเทศคู่ค้า ตั้งแต่การตรวจก่อนตัดทุเรียนจากสวน สำหรับโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ต้องแจ้งด่านตรวจพืช และสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) เข้าตรวจก่อนการตรวจปิดตู้ของด่าน รวมไปถึงพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตลาดผู้บริโภค
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว สำนักข่าว Xinhua รายงานว่าสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) เผยถึงจำนวนเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศของจีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนฤดู ระหว่างฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ ที่สามารถกระตุ้นการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2566 เที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศมีจำนวน 2,242 เที่ยว มีสถิติอยู่ที่ 29.4% ของตัวเลขช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 และมีจุดหมายปลายทางใน 59 ประเทศ ซึ่งคิดเป็น 82% ของตัวเลขก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยประเทศไทยติดอันดับ 1 ประเทศที่มีจำนวนเที่ยวบินมาจีนมากที่สุด รองลงมาอีก 4 อันดับ ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย
“นายกรัฐมนตรีชื่นชมความร่วมมือของทั้งสองประเทศที่ต่างให้การตอบรับสินค้าและบริการระหว่างกันเป็นอย่างดี สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระดับประชาชนที่แน่นแฟ้น ซึ่งส่งผลดีไปยังการค้า การส่งออกสินค้า และการท่องเที่ยว ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า รัฐบาลพร้อมผลักดันสินค้าและบริการที่ไทยมีศักยภาพให้สามารถแข่งขันในตลาดจีน รวมไปถึงตลาดทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดหลักการรักษาคุณภาพตามหลักมาตรฐานสากลเป็นสำคัญ เพื่อความเชื่อมั่น ชื่อเสียงของประเทศ และเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายอนุชา กล่าว .-สำนักข่าวไทย