“ชัยวุฒิ”กำชับดูแลผู้เสียหายจาก 9near และเร่งใช้ Digital ID 

กรุงเทพฯ 3 เม.ย.-รมว.ดีอีเอสที่เร่งหาหลักฐานและตัวคนร้ายแล้วมอบหมายให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเร่งหาข้อเท็จจริง ดูแลผู้เสียหายจาก 9near ตลอดจนเร่งรัดการใช้ Digital ID และยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำตรวจพบว่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานถูกโจมตี และยังมีการหลุดรั่วของข้อมูล โดยได้ประสานงาน เร่งแก้ปัญหาและป้องกันปัญหาอย่างต่อเนื่องเต็มที       


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณี ผู้ใช้งานบัญชี “9near” ที่อ้างว่ามีข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านราย บนเว็บไซต์ Bleach Forums นอกเหนือจากที่เร่งหาหลักฐานและตัวคนร้ายแล้ว ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเร่งหาข้อเท็จจริงดูแลผู้เสียหายจาก 9near ตลอดจนเร่งรัดการใช้ Digital ID และยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ โดยวันที่ 3 เมษายน 2566 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เป็นประธานการประชุม “การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานรัฐ” โดยได้เชิญหน่วยงานรัฐที่มีข้อมูลส่วนบุคคลขนาดใหญ่หรือมีจำนวนมากหารือ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงาน กกต. เป็นต้น รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน กสทช. สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)


ในการประชุม ได้มีการ หารือประเด็นสำคัญดังนี้

 1. ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรวมทั้งฐานข้อมูลของหน่วยงานเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีการตรวจสอบเพื่อป้องกันและแก้ไขช่องโหว่ของระบบที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตาม โดยนายศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้รายงานในที่ประชุมว่า จากการสุ่มตรวจของ สคส. ได้พบการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสมของหน่วยงานของรัฐ และได้ทำการแจ้งเตือนไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือปรับปรุงตามคำแนะนำ 


 ทาง พลอากาศตรี อมร ชมเชย. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติให้ข้อมูลว่า THAICERT ของ สกมช ตรวจพบว่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานถูกโจมตี และยังมีการหลุดรั่วของข้อมูล ซึ่งได้ประสานงาน เร่งแก้ปัญหาและป้องกันปัญหาอย่างต่อเนื่อง       

2. แนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลในหน่วยงานของรัฐ อาทิ พรบ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ พรบ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๕ 

 ทั้งนี้ หากหน่วยงานทำข้อมูลรั่ว โดยเฉพาะข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ต้องรีบแจ้ง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้เสียหาย รวมถึงควรทำการเยียวยาผู้เสียหายด้วย

 3. การช่วยเหลือสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลฯ ต่อหน่วยงานต่างๆ  ในเรื่อง ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของหน่วยงาน รวมทั้งแนวทางการทำงานร่วมกันในเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

 นอกจากนี้ ได้หารือถึงแนวทางเร่งรัดการใช้ Digital ID เพื่อช่วยยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของหน่วยงาน ซึ่งในเรื่องนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ได้จัดทำ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต พ.ศ. 2565 (Digital ID) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 และ ผลักดันการพัฒนาระบบยืนยันตัวตน National Digital ID ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะมีประโยชน์ในการป้องกันข้อมูลรั่วไหล และยืนยันตัวตนได้อย่างมั่นใจมาขึ้นอีกระดับหนึ่ง ซึ่งการยืนยันตัวตนด้วย Digital ID จะช่วยป้องกันการถูกขโมยข้อมูล รวมทั้งการป้องกันการหลอกลวงประชาชนจากการทำธุรกรรมออนไลน์ 

ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า “วันนี้สรุปได้ว่าการหาข้อเท็จจริงเรื่องที่อ้างว่าข้อมูลขนาดใหญ่รั่วจากหน่วยงานภาครัฐ ยังดำเนินการอยู่ กรณีที่มีข้อมูลรั่ว หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีช่องโหว่ หน่วยงานต้องเร่งปรับปรุงแก้ไข ในขณะเดียวกันทำการซักซ้อม แนวปฎิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงขอความร่วมมือหน่วยงาน ยกระดับความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล และช่วยผลักดันการใช้ Digital ID”  ติดต่อ call center กระทรวงดิจิทัลฯ 1212 หรือ สายด่วน ตำรวจไซเบอร์ 1441 ได้

นอกจากนี้ สภาองค์กรผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 1  เม.ย. 2566 ขอให้รัฐบาลใช้ศักยภาพและกลไกของรัฐ ปกป้องข้อมูลประชาชน ปราบปรามมิจฉาชีพเรียกค่าไถ่ข้อมูลประชาชน และลงโทษบุคลากรของรัฐที่รับผิดชอบ โดยระบุว่า สภาผู้บริโภคขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งใช้ศักยภาพจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเทคโนโลยีของรัฐให้เต็มกำลังในการปกป้องข้อมูลประชาชนจากการโดนขโมยข้อมูล ไม่ว่าเป็นการแฮกข้อมูลจากมิจฉาชีพเพื่อการเรียกค่าไถ่ หรือจากบุคคลใด ๆ ที่นำข้อมูลไปใช้เพื่อประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อสาธารณะ พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานพิเศษเฉพาะกิจเพื่อปราบปรามมิจฉาชีพที่เรียกค่าไถ่ และสืบค้นบุคลากรของรัฐที่ปล่อยข้อมูลลับรั่วไหลนี้มาลงโทษ เพื่อความปลอดภัยในข้อมูลของประชาชน และกอบกู้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลที่ประชาชนทั้งประเทศได้มอบข้อมูลส่วนตัวให้หน่วยงานรัฐเก็บรักษา

จากเหตุการณ์กรณีข่าวการแฮกข้อมูลเรียกค่าไถ่โดยมิจฉาชีพที่อ้างว่า เป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ โดยได้มาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง รวมทั้งมีการโพสต์ลักษณะข่มขู่หน่วยงานและประชาชนในวงกว้าง ได้สร้างความกังวลต่อประชาชนทั่วไปเป็นวงกว้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้บริโภค เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลสำคัญเหล่านี้ อาจถูกแอบอ้างในการนำไปใช้ในการเข้าถึงสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลทางการเงิน หรือการนำข้อมูลไปใช้เพื่อการก่ออาชญากรรมด้านดิจิทัลหรือต่อความปลอดภัยส่วนบุคคล

สภาผู้บริโภคในฐานะตัวแทนผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น ดังนี้

1.ขอให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอย่างรวดเร็วจริงจังและแถลงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้ง ทั้งขอบเขตความเสียหายของข้อมูล แหล่งของข้อมูลที่รั่วไหล รวมถึงมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก เพื่อให้สังคมร่วมรับรู้ข้อเท็จจริง และสร้างความเชื่อมั่นต่อการรักษาความมั่นคง เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดความเสียหายในทุกมิติ

2.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่รั่วไหลออกมา แสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง และเสนอแนวทางในการเยียวยาแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

3.ขอให้นำนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลพลเมืองในยุคดิจิทัล ให้เป็นวาระแห่งชาติ ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น

4.ขอให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับสิทธิผู้บริโภคและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในทุกระดับ

สภาผู้บริโภคขอให้รัฐบาลและบุคลากรในหน่วยงานรัฐตระหนักถึงความรับผิดชอบสูงสุดต่อข้อมูลประชาชน ยึดมั่นต่อหลักการใน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2565 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”