PDPC ตรวจสอบเชิงรุก 2 เดือน สกัดการรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 5,000 เคส

14 ม.ค. – PDPC เดินหน้าตรวจสอบเชิงรุกต่อเนื่อง ในรอบ 2 เดือน สกัดการรั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 5,000 เคส และร่วมตรวจสอบเพื่อขยายผลสู่การจับกุมผู้ต้องหาซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว 5 ราย โดยมีโทษหนักถึงจำคุก


PDPC หรือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เร่งทำงานเชิงรุกตรวจสอบเฝ้าระวังการรั่วไหลและการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตามข้อสั่งการของรัฐบาล และมาตรการยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศ ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการและบูรณาการความร่วมมือกัน เมื่อคราวประชุมวันที่ 9 พ.ย.2566

ในช่วงเวลากว่า 2 เดือน นับแต่วันที่ 9 พ.ย. 2566 – 12 ม.ค. 2567 ศูนย์ PDPC Eagle Eye ได้ตรวจพบการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลประชาชนบนเว็บไซต์ของหน่วยงานอย่างเกินความจำเป็นหรือไม่มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม และได้แจ้งเตือนให้หน่วยงานปรับปรุงแก้ไขแล้ว จำนวน 5,261 กรณี เป็นหน่วยงานภาครัฐและส่วนท้องถิ่น จำนวน 4886 กรณี โดยสำนักงานฯ จะดำเนินการที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย PDPA อย่างเคร่งครัด กับหน่วยงานที่มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่องต่อไป


นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบพบการประกาศซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก (Facebook) และดำเนินการปิดเพจแล้ว จำนวน 23 กรณี และได้มีการดำเนินการร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ในการสืบสวนสอบสวนขยายผลกรณีการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลประชาชนให้แก่แก๊งมิจฉาชีพ เมื่อวันที่ 23 พ.ย. และ 12 ธ.ค. 2566 ซึ่งล่าสุดวันที่ 11 ม.ค. 2567 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมหรืออยู่ระหว่างการจับกุมผู้ต้องหาซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ จำนวน 5 ราย

ทั้งนี้ ศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุกผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในช่วงก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 2 ราย โดยรายล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พ.ย.66 ศาลจังหวัดภูเก็ตได้มีคำพิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ รวมถึง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 80 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี (หลังลดโทษให้กึ่งหนึ่งจากการรับสารภาพ) แต่ไม่รอลงอาญา ด้วยพิจารณาเห็นว่า “การนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นไปขายทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง ทั้งยังส่งผลกระทบกับบุคคลอื่นเป็นวงกว้างและเป็นการสนับสนุนให้กลุ่มมิจฉาชีพนำข้อมูลดังกล่าวไปกระทำความผิดอื่นอีก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนก็ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลย”

PDPC จะเดินหน้าตรวจสอบเชิงรุกและเฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศ ตามข้อสั่งการของรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมต่อไป . 111 – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว วันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้ แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟน ฝากลูกหลานช่วยด้วย