กรุงเทพฯ 7 มี.ค.- อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มั่นใจเปลี่ยนผ่านแหล่งก๊าซบงกช G2/61 จากระบบสัมปทานสู่ระบบ PSC เที่ยงคืนนี้ราบรื่น สามารถดำเนินการได้ทันที ไร้รอยต่อ
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า การดำเนินงานช่วงเปลี่ยนผ่านของแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช แปลง G2/61 ในช่วงเที่ยงคืนนี้ (7-8 มีนาคม) จากระบบสัมปทานสู่ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต(Production Sharing Contract หรือ PSC) ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(ปตท.สผ. อีดี) สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องทุกขั้นตอนแบบไร้รอยต่อ และไร้ปัญหาใดๆ
เนื่องจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เตรียมความพร้อมรองรับการดำเนินงานช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยได้ตรวจติดตามสภาพความแข็งแรง ปลอดภัยของสิ่งติดตั้งและทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมของแปลง G2/61 รวมทั้งได้จัดตั้งวอร์รูม (War Room) รองรับการบริหารจัดการสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านในลักษณะบูรณาการ ร่วมกับผู้รับสัมปทานรายเดิม ผู้รับสัญญารายใหม่ และผู้รับซื้อปิโตรเลียม โดยมีผู้บริหารของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติบัญชาการที่ห้องวอร์รูม รวมทั้งมีทีมเฉพาะกิจภาคสนาม จำนวน 3 ทีม คอยติดตาม ควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิดบนแท่นผลิตในทะเลอ่าวไทย โดยประจำที่แท่นผลิตกลางบงกชใต้ แท่นผลิตกลางบงกชเหนือ และเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวปทุมพาหะ เพื่อตรวจสอบปริมาณการผลิตปิโตรเลียมรอบสุดท้ายในช่วงเวลาก่อนหมดอายุสัมปทานรวมทั้งวัดปริมาณปิโตรเลียมที่คงค้างในเรือกักเก็บ ก่อนที่จะมีการส่งมอบให้กับผู้รับสัญญารายใหม่อย่างเป็นทางการ
“ในวันที่ 8 มีนาคม 2566 ถือเป็นอีกวันหนึ่งในประวัติศาสตร์พลังงานของประเทศไทย ที่จะมีการใช้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตในกิจการปิโตรเลียม ที่สำคัญ ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตจะทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ได้จากแปลงG2/61 ปรับลดลงจากเดิม 279 – 324 บาทต่อล้านบีทียู หลือ 172 บาทต่อล้านบีทียู หรือลดลงประมาณ 107-152 บาทต่อล้านบีทียู
คิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท (ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม – ธันวาคม 2566) ซึ่งช่วยสร้างเสถียรภาพของราคาก๊าซธรรมชาติที่จะนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า ลดต้นทุนราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า และลดผลกระทบเกี่ยวกับราคาค่าไฟฟ้าของประชาชนได้ด้วย” นายสราวุธ กล่าว
อย่างไรก็ดี วันนี้แหล่งบงกช ผลิตก๊าซธรรมธรรมชาติอยู่ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่ในข้อตกลงระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตกำหนดผลิตก๊าซธรรมธรรมชาติที่ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต้อวัน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จึงขอความร่วมมือผู้รับสัญญารายใหม่ คงอัตราการผลิต ก๊าซธรรมธรรมชาติที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี(31 ธ.ค.66)
เพื่อชดเชยปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ลดลงของแปลง G1/61 (แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณเดิม)
แหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐในรูปแบบค่าภาคหลวงปิโตรเลียม และรายได้อื่น ๆ (ค่าตอบแทนการต่อระยะเวลาผลิต) เป็นมูลค่ากว่า 230,000 ล้านบาท และจะยังคงสร้างรายได้ และความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่องภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต.-สำนักข่าวไทย