บก.จร. 23 ม.ค.- บก.จร.เรียกตำรวจ 2 นายในคลิปนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน เข้าให้ข้อมูลวันนี้ แต่ล่าสุดยังไม่พบความเคลื่อนไหว ส่วนของตำรวจท่องเที่ยวให้ข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่มีรายงานว่ารถที่นำมาใช้นำขบวนเป็นรถส่วนตัว ด้านโฆษก ตร.เตรียมแถลงความคืบหน้าช่วงบ่าย
ความคืบหน้ากรณีการตั้งกรรมการสอบตำรวจ บก.จร. 2 นาย รับจ็อบนำขบวนนักท่องเที่ยวสองแม่ลูกชาวจีน และลูกสาวซึ่งเป็นยูทูบเบอร์ นำคลิปไปเผยแพร่บนโซเชียล จนกลายเป็นกระแสในประเทศจีน หลังเกิดเรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งตั้งกรรมการตรงจสอบข้อเท็จจริง และเอาผิดทางวินัยกับตำรวจ 3 นาย โดย 1 นาย มียศ ร.ต.อ.สังกัดตำรวจท่องเที่ยว ส่วนอีก 2 นายเป็นตำรวจสังกัด บก.จร.
ล่าสุด ช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวมาเฝ้าติดตามบรรยากาศที่ บก.จร. ถนนวิภาวดี หลังมีกระแสข่าว พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รองผู้บังคับการตํารวจจราจร ซึ่งเป็นประธานกรรมการในส่วนของตำรวจในสังกัด 2 นาย ยศสิบเอก เรียกทั้งสองนายมาให้ข้อมูลการกระทำดังกล่าวในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนมาเฝ้าสังเกตการณ์ บรรยากาศเงียบเหงา แต่ไม่พบตำรวจยศสิบเอกทั้ง 2 นายแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ความคืบหน้ากับหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่เจ้าตัวระบุว่า ยังไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างประชุม
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าวันนี้ในส่วนของ บก.จร.เรียกตำรวจชั้นประทวนทั้งสองนายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนของตำรวจท่องเที่ยว การให้ข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันนี้ตนจะแถลงความคืบหน้า เนื่องจากเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ
ขณะที่มีรายงานอีกว่า ในส่วนของสิบตำรวจเอก 1 ใน 2 นาย ทีมข่าวพบว่ามีเอกสารขอตัวช่วยราชการ เพื่อให้ไปขับรถนำขบวนให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับรถจักรยานยนต์นำขบวน ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2565 อ้างอิงถึงหนังสือขอยืมตัวช่วยราชการเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 และขอต่ออายุอีกครั้งในวันที่ 26 มีนาคม 2565 ซึ่งจะครบกำหนดการขอช่วยราชการในวันที่ 26 มีนาคม 2566 โดยขณะนี้พบว่าอาจใช้เวลานอกราชการรวมกลุ่มกับกลุ่มเพื่อนที่นำขบวนรัฐมนตรีมารับงานประเภทนี้ โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังมีรายงานว่าในส่วนของรถยนต์เก๋งที่ติดสัญญาณไฟไซเรนและโลโก้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ใช่รถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่นเดียวกันกับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่พบจอดอยู่ในกองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งการกระทำดังกล่าวยังไม่ถือว่าเข้าข่ายความผิดวินัยร้ายแรง ส่วนจะมีโทษทางวินัยอย่างไร ต้องรอผลการตัดสินของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของทั้งสองนายอีกครั้ง
ขณะที่รถจักรยานยนต์ที่ถูกใช้ตามคลิปก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าจอดไว้ที่ บก.จร.เมื่อวานนี้ แต่วันนี้ทีมข่าวไม่พบรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวแล้ว จากการตรวจสอบยังสังเกตเห็นว่า รถจักรยานยนต์ของ บก.จร เป็นคนละรุ่นกับที่ปรากฏในคลิป เพราะว่ารถของราชการจะมีสีของหน่วยงานและโลโก้ประจำหน่วยอย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรถส่วนตัว.-สำนักข่าวไทย