กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ตำรวจปิดล้อมตรวจค้น 20 จุด จับผู้ต้องหา 11 ราย บุกยิงถล่มงานแต่งงานเจ้าบ่าว
กรณีคนร้ายบุกยิงถล่มงานแต่งงานที่บ้านพักภายในย่านถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย เบื้องต้นทราบว่าเจ้าบ่าวเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ช่วงเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าวนั่งดื่มสังสรรค์ที่บ้านในโรงจอดรถ เหตุเกิดวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 15 ก.ย.2565 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. ร่วมกันปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. และ บก.น.2 เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 11 ราย ตามหมายหมายค้น 20 จุดในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ และซ่องโจร ซึ่งจะมีการแถลงความคืบหน้าในวันนี้ เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 14 ส.ค.65 พ.ต.ท.รักเกียรติ์ ปทุมวัลย์ สว.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดที่บริเวณบ้านพักในซอยสุทธิพงศ์ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. ตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2, พ.ต.ท.ธฤษณุ ศิริรัตน์ รองผกก.สส.สน.สุทธิสาร ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เป็นบ้านชั้นเดียว พื้นที่ 108 ตารางวา หน้าทางเข้าที่จอดรถพบรอยเลือดไหลเป็นทาง ภายในมีการจัดวางโต๊ะกลม 5 ตัว ขวดเบียร์วางเกลื่อนเต็มโต๊ะ เก้าอี้ล้มกระจัดจาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธปืน 5 ราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง
การสอบสวนทราบว่าเมื่อช่วงเช้ามีการจัดงานแต่งงานคู่บ่าวสาวที่บริเวณบ้าน ฝั่งตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ เจ้าบ่าวเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ช่วงเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนเจ้าฝ่ายเจ้าบ่าวได้มานั่งดื่มสังสรรค์กันที่บ้านในโรงจอดรถที่เกิดเหตุฝั่งตรงข้าม ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุขี่รถจยย.วนมาดูลาดเลา 1 รอบ กระทั่งหลังจากงานแต่งงานเสร็จสิ้นยังมีการกินเลี้ยงในกลุ่มเพื่อนถึงช่วงเย็น ปรากฏว่ามีรถจักรยานยนต์ 2 คัน จอดหน้าประตูทางเข้าที่เกิดเหตุ คนนั่งซ้อนท้ายทั้ง 2 คัน ใช้อาวุธปืนยิงเข้ากลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว ทุกคนต้องก้มหลบหนีเอาตัวรอด ส่งผลมีผู้บาดเจ็บ 5 ราย ตำรวจไล่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย