10 ก.ย.- เมื่อรัฐบาลเนปาลสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภูเขาไฟแห่งความอัดอั้นของคนหนุ่มสาวที่ถูกสะสมมานาน โดยเฉพาะคนเจเนอเรชันซี (Gen Z) ก็ปะทุออกมาให้โลกได้เห็นในสัปดาห์นี้
จุดเริ่มต้นการประท้วง
ก่อนหน้าการประท้วง การติดแฮชแท็ก #NepoBaby หรือแปลได้ว่า “เด็กเส้น” กำลังเป็นกระแสในโลกสื่อสังคมออนไลน์ในเนปาล สะท้อนถึงกระแสความไม่พอใจของคนหนุ่มสาวที่เห็นบรรดาลูกหลานนักการเมืองอวดรายอวดการใช้ชีวิตหรูหรา ในขณะที่คนส่วนใหญ่ดิ้นรนหาเช้ากินค่ำ มีคนตกงานมากถึง 12.6% ตามผลการสำรวจมาตรฐานการครองชีพปี 2565-2566 ที่รัฐบาลเนปาลเป็นผู้เผยแพร่
ฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลเนเปาลสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ เช่น Facebook, X, WhatsApp และ Youtube เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 รัฐบาลให้เหตุผลว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการกับทางการ หลายคนมองว่า เป็นการคุกคามเสรีภาพในการแสดงออก ขณะที่บางคนห่วงว่า จะไม่สามารถติดต่อกับคนในครอบครัวที่ไปทำงานในต่างประเทศ ข้อมูลของหนังสือพิมพ์กาฐมาณฑุโพสต์ในเนปาลระบุว่า ช่วงปีงบประมาณ 2566-2567 มีชาวเนปาลออกไปหางานทำในต่างประเทศส่วนใหญ่ในอินเดีย มากกว่า 741,000 คน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศราว 29 ล้านคนในปัจจุบัน
การประท้วงบานปลาย รัฐบาลยอมถอย
การประท้วงปะทุขึ้นในวันจันทร์ที่ 8 กันยายน เริ่มจากกรุงกาฐมาณฑุ และลุกลามไปยังเมืองอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว ผู้จัดการประท้วงนี้ว่า “การประท้วงของคน Gen Z” ที่ไม่พอใจรัฐบาลเรื่องไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันและไม่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประชาชน ตำรวจได้รับคำสั่งให้ใช้น้ำแรงดันสูง กระบอง และกระสุนยางควบคุมฝูงชน ขณะที่ผู้ประท้วงบางส่วนบุกเข้าไปจุดไฟเผาที่ทำการรัฐบาล รวมถึงรัฐสภาและศาลฎีกา ทำให้เกิดการปะทะกับทหารที่ประจำการรักษาความปลอดภัย มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน (ข้อมูลวันที่ 10 ก.ย. 2568) ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 300 คน
รัฐบาลประกาศยกเลิกคำสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์มเนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์บานปลาย ตามด้วยการที่นายกรัฐมนตรีเค.พี. ชาร์มา โอลี ประกาศลาออกในวันรุ่งขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้สถานการณ์คลี่คลาย ผู้ประท้วงยังคงชุมนุมท้าทายคำสั่งเคอร์ฟิวตลอด 24 ชั่วโมง บางส่วนก่อจลาจล บุกเผาที่ทำการรัฐบาลเพิ่มเติม รวมถึงบ้านพักของนักการเมือง มีข่าวนักโทษกว่า 900 คนหลบหนีจากเรือนจำ ขณะที่ท่าอากาศยานระหว่างประเทศในกรุงกาฐมาณฑุถูกสั่งปิดเพื่อความปลอดภัย
วังวนการเมืองไร้เสถียรภาพ และนายกฯ หน้าเก่า
นับตั้งแต่เนปาลเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยในปี 2551 เป็นต้นมา เนปาลมีรัฐบาลมาแล้ว 14 ชุดในช่วงเวลา 17 ปี เฉลี่ยบริหารประเทศได้ชุดละ 1 ปีเศษ ไม่เคยครบวาระ 5 ปี

นายโอลี วัย 73 ปี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนปาลครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2558 โดยได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงในรัฐสภา ตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ในปีเดียวกัน แต่ต้องลาออกในเดือนกรกฎาคมปี 2559 เพราะถูกพรรคร่วมรัฐบาลจับมือกับฝ่ายค้านยื่นลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล เขาได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ในปี 2561 และถูกคนในรัฐบาลวิจารณ์เรื่องการบริหารประเทศโดยเฉพาะเรื่องโควิด จึงเลือกปรับคณะรัฐมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ในปี 2563 แล้วก็เข้าสู่วังวนเดิมด้วยการถูกลงมติไม่ไว้วางใจ จึงประกาศยุบสภาในปี 2564 นายโอลีกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 4 ในเดือนกรกฎาคม 2567 และบริหารประเทศได้ไม่ถึงปีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเกมการเมืองในสภา แต่เพราะการชุมนุมบนท้องถนนของคน Gen Z
Gen Z คนรุ่นขับเคลื่อนสังคม
เว็บไซต์ Britannica ระบุว่า คำว่า Gen Z มักใช้หมายถึงคนที่เกิดระหว่างปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 ถึงต้นคริสต์ทศวรษ 2000 บางครั้งถูกกำหนดอย่างเจาะจงว่าหมายถึงคนที่เกิดระหว่าง พ.ศ.2540-2555 เป็นกลุ่มคนวัยทำงานตอนต้นและกลุ่มวัยรุ่นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นกำลังขับเคลื่อนสังคม
คน Gen Z เติบโตมาในยุคของสมาร์ทโฟน มีชีวิตอยู่กับการเชื่อมต่อดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ทั้งแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์และการถ่ายทอดทางออนไลน์หรือที่เรียกว่าสตรีมมิง จึงมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จนมีการเรียกขานว่า เป็นเจเนอเรชันติ๊กต็อก (TikTok generation)
ขณะเดียวกันคนเจเนอเรชันนี้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในสังคม ตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2551-2552 ที่ทำให้คนในวัยผู้ใหญ่ตกงานและมีปัญหาทางการเงิน และการระบาดของโรคโควิด-19 ระบาดที่ทำให้เห็นว่าชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน จึงไม่ต้องการใช้ชีวิตซ้ำรอยคนรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายที่เป็นคนรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่เรียกว่า Baby Boomers และคนรุ่นพ่อแม่ที่เป็น Gen X คน Gen Z ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างสมดุล รักอิสระ ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมจะปฏิเสธสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับจุดยืนดังกล่าว บางครั้งจึงถูกคนรุ่นอื่นมองว่า ไม่อดทน
ปรากฏการณ์ Gen Z ไม่ทน
สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเนปาล เป็นตัวอย่างล่าสุดของปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ เมื่อคน Gen Z กลายเป็นแกนนำหรืออยู่แถวหน้าของการประท้วง เพราะหมดความอดทนแล้ว หลังจากเฝ้าดูผู้บริหารบ้านเมืองละเลยชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก และไม่เห็นอนาคตในประเทศที่พวกเขาเติบโต นอกจากเอเชียใต้แล้ว เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เพิ่งปรากฏการณ์คน Gen Z ไม่ทนที่อินโดนีเซีย
คน Gen Z ในอินโดนีเซียใช้ช่วงการเฉลิมฉลองวันชาติในเดือนสิงหาคม ประดับธงของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางในเรื่องวันพีซ (One Piece) ซึ่งเป็นมังงะหรืออนิเมชันชื่อดังของญี่ปุ่น แทนการประดับธงชาติอินโดนีเซีย เพื่อแสดงความไม่พอใจรัฐบาลที่มีเสนอเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้นักการเมืองที่มีอภิสิทธิ์เหนือประชาชนทั่วไป ซ้ำเติมปัญหามากมายที่มีอยู่แล้ว ทั้งการทุจริตรับสินบน คนตกงาน และค่าครองชีพสูง ธงกลุ่มโจรสลัดถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์การประท้วง เพราะกลุ่มโจรสลัดที่มีอยู่มากมายในวันพีซเป็นตัวแทนของความเป็นอิสระในโลกที่มีรัฐบาลโลกเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง
Final Thoughts: อย่ามองข้ามเสียงเรียกร้องที่ถูกละเลย
ความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีและการใช้สื่อสังคมออนไลน์ทำให้คน Gen Z มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านการเคลื่อนไหวทางดิจิทัล โดยไม่ต้องผ่านสื่อหลักที่หลายประเทศมักตกอยู่ในความควบคุมของรัฐ ไม่ติดอุปสรรคทางภาษาและพรมแดนระหว่างประเทศ คลิปไวรัลที่มีคนส่งต่อกันอย่างมากมายและรวดเร็ว สามารถจุดกระแสรณรงค์ในประเด็นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ความไม่เป็นธรรมทางสังคม ดังนั้นการเคลื่อนไหวเรียกร้องของคนรุ่นนี้จึงเป็นสิ่งที่กลุ่มคนมีอำนาจทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองไม่อาจละเลยได้.-814.-สำนักข่าวไทย
แหล่งข้อมูล
https://www.npr.org/2025/09/09/nx-s1-5535887/nepal-protests-gen-z-explained
https://www.reuters.com/business/media-telecom/nepals-history-political-instability-2025-09-09/
https://en.wikipedia.org/wiki/K._P._Sharma_Oli
https://www.britannica.com/topic/Generation-Z
https://www.wionews.com/world/when-gen-z-protests-heads-roll-from-nepal-to-indonesia-and-beyond-tiktok-generation-leads-change-in-politics-dominated-by-the-old-and-senile-1757401084536