14 เม.ย.-ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษชนสหประชาชาติ เตือนเมียนมา เสี่ยงเกิดสงครามกลางเมืองเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในซีเรีย เรียกร้องนานาชาติช่วยยุติการเข่นฆ่าประชาชน
จากสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากการต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์แล้วกว่า 700 คน ตามการรายงานขององค์กรภาคประชาสังคมในประเทศ และมีผู้ถูกจับกุมไปอีกกว่า 3,000 คน สำนักงานข้าหลางใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้แถลงล่าสุดว่า ข้าหลวงใหญ่เกรงว่า การปราบปรามการประท้วงของกองทัพจะขยายวงและนำประเทศถลำเข้าสู่ส่งครามกลางเมือง ดังนั้นประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะต้องไม่ทำผิดซ้ำเหมือนในกรณีซีเรีย ที่เกิดความขัดแย้งเต็มรูปแบบ
แถลงการณ์ชี้ว่า เมียนมาขณะนี้ได้เกิดการประท้วงโดยสันติเหมือนเช่นในซีเรียเมื่อปี 2554 แต่กลับถูกรัฐบาลใช้กำลังปราบปรามอยากโหดเหี้ยมและบีบบังคับกดขี่ประชาชนของตัวเอง ทำให้มีกลุ่มบุคคลต้องจับอาวุธขึ้นสู้ เกิดการต่อสู้กระจายไปทั่วประเทศ ในเวลานั้นสำนักงานข้าหลวงใหญ่ได้เตือนแล้วว่า หากประชาคมโลกไม่จับมือกันเพื่อคลี่คลายวิกฤติ จะทำให้เกิดหายนะในซีเรียและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งผ่านมา 10 ปีแล้ว เห็นชัดเจนแล้วว่าส่งผลร้ายต่อชีวิตชาวซีเรียหลายล้านคน
ดังนั้นในชั้นแรกสำนักงานข้าหลวงใหญ่เรียกร้องใหยุติการเข่นฆ่าประชาชน รวมถึงการใช้โทษประหารชีวิตกำจัดผู้ต่อต้าน ซี่งมีรายงานว่า มีการพิพากษาแบบลับๆประหารชีวิต 23 คน ส่วนในเมียนมา เมื่อวานนี้ซี่งปกติเป็นวันแรกของการฉลองสงกรานต์ ที่เรียกว่า เทศกาล “ตะจาน” มีการประท้วงด้วยการใช้ดอกไม้ที่ปกติใช้เพื่อเฉลิมฉลอง แต่ปีนี้นำมาต่อต้านรัฐบาลทหาร ชาวเมียนมารวมตัวการชุมนุมประท้วงกลุ่มเล็กๆ ประท้วงเงียบแบบอารยะขัดขืน ในอีกหลายเมือง ไม่ยอมร่วมงานฉลองของรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย