ภท.จัดใหญ่ก้าวสู่ปีที่ 17 เปลี่ยนโลโก้เป็น “พรรคสีน้ำเงิน” ล้วน

พรรคภูมิใจไทย 6 เม.ย.- “พรรคภูมิใจไทย” จัดใหญ่ ก้าวสู่ปีที่ 17 เปลี่ยนโลโก้เป็น “พรรคสีน้ำเงิน” ล้วนๆ ไม่มีสีแดงปน พร้อมเดินหน้าการเมืองสันติ เทิดทูนสถาบัน สุขุมไร้ริษยา ไม่นำไปสู่สงครามสีเสื้อ “อนุทิน” ลั่น เต็มใจถูกขนานนาม “พรรคน้ำเงิน” มองเป็นการให้เกียรติ และไม่มีวันเป็นพรรคสีอื่น


พรรคภูมิใจไทย ทำบุญครบรอบวันก่อตั้งพรรค ก้าวสู่ปีที่ 17 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรค เข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความครึกครื้น มีพรรคการเมืองร่วมแสดงความยินดี อาทิ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

จากนั้น มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 มีวาระสำคัญคือ การแก้ไขข้อบังคับพรรคภูมิใจไทย และเปลี่ยนโลโก้พรรค เป็นสีน้ำเงิน ล้วนทั้งหมด ซึ่งหมายถึงการดำเนินงานทางการเมืองที่ยึดมั่นในวิถีของความเป็นไทย สื่อถึงความรักชาติ จรรโลงศาสนา และเทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของคนไทยทั้งชาติ ภายในการปกครองในระะบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


ต่อมาในเวลา 11.15 น. นายอนุทิน พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค ได้ขึ้นอัฒจันทร์บริเวณด้านหน้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อเปิดตัวสีตราสัญลักษณ์ใหม่ของพรรคภูมิใจไทยเป็นสำน้ำเงินล้วน

โดยนายอนุทิน กล่าวถึงการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ของพรรคภูมิใจไทยว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นสถาบันทางการเมือง ที่มีอายุครบ 16 ปี ในวันนี้ ว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นสถาบันทางการเมือง ที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีประสบการณ์การทำงานทางการเมือง และการบริหารมาแล้วทุกรูปแบบ ในทุกสถานการณ์การเมือง เป็นพรรคการเมืองฝ่ายบริหาร เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เป็นพรรคการเมืองที่ถูกแช่แข็งในห้วงเวลาการเมืองไม่ปกติไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด พรรคภูมิใจไทย สามารถบริหารจัดการพรรค ดูแลสมาชิกพรรคและดำเนินงานทางการเมือง มาได้โดยไม่มีสะดุด ไม่มีหยุดพัก

16 ปีที่ผ่านมาเราทำงานกันทุกวัน ไม่มีวันหยุด สมาชิกพรรคภูมิใจไทย เข้าไปทุกพื้นที่ที่ประชาชนมีปัญหา ช่วยกันแก้ไขปัญหา ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน สม่ำเสมอ ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง แต่เราทุกคนมี หน้าที่ เพราะเราอาสามาเป็นผู้แทนราษฎร อาสามาทำงานการเมืองเพื่อพี่น้องประชาชนทุกลมหายใจของเรา คือ สำนึกในบุญคุณของประชาชน ตระหนักในความเดือดร้อนของประชาชน และ ทุกวันเวลาของเรา คือ ความตั้งใจจะทำงานเพื่อตอบแทนพี่น้องประชาชน


“เพราะเราคิดกันแบบนี้ ทำงานกันแบบนี้ เพราะคนภูมิใจไทย เป็นแบบนี้จึงเป็นเหตุให้พรรคภูมิใจไทย เติบโตขึ้นทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พี่น้องประชาชน ไว้ใจ เชื่อใจเรามากขึ้น จำนวนส.ส.ที่เพิ่มขึ้น คือ คำตอบว่า การทำงานของพรรคภูมิใจไทย เป็นที่ชื่นชอบ ของประชาชนมากขึ้นหรือไม่ เชื่อว่าเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าจะมีขึ้นเมื่อไร พรรคภูมิใจไทย จะเติบโตมากขึ้นกว่าปัจจุบัน จะได้รับโอกาส และความไว้วางใจจากประชาชนมากขึ้น อีกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา” นายอนุทิน ระบุ

นายอนุทิน ยังกล่าวว่า 16 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลง ทั้งการเปลี่ยนแปลงในระบบ และการเปลี่ยนแปลงนอกระบบ ด้วยความรุนแรง ทำให้สถานะของพรรคภูมิใจไทย เปลี่ยนแปลงไปตามที่กล่าวไว้ตอนต้น แต่สิ่งหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยังคงยึดมั่นเป็นอุดมการณ์สูงสุด เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนภูมิใจไทย ไว้ได้ ก็คือ ความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งมีความมั่นคง ไม่มีเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ และ ความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ หล่อหลอมพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งถูกเรียกว่า เป็นพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเราถือว่าเป็นการให้เกียรติต่อพรรคภูมิใจไทย และ เป็นการแสดงให้เห็นว่าพี่น้องประชาชน สื่อมวลชน ยอมรับ และสัมผัสได้ ถึงอุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทย และจิตวิญญาณของสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ตลอดจนองค์กรเครือข่ายที่ร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย อาทิ องค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างๆ ทั่วประเทศ

สีน้ำเงิน หมายถึง ความสงบ ความสันติ และ ความสามัคคี

สีน้ำเงิน หมายถึง ความเข้มแข็ง ความมั่นคง ความหนักแน่น และความเป็นปึกแผ่น

สีน้ำเงิน หมายถึง ความมีสติ ความมีเหตุผล ความสุขุม นุ่มลึก ไร้ ริษยา ความเยือกเย็น และ ความอบอุ่น

สีน้ำเงิน คือ สีบนธงชาติไทย และเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์

ความหมายของสีน้ำเงิน ถูกต้องตรงกับบุคลิกลักษณะ และอุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทย ทุกประการ

“ดังนั้น วันนี้ พรรคภูมิใจไทย โดยที่ประชุมใหญ่ของพรรค จึงมีมติให้เปลี่ยนสีตราสัญลักษณ์ของพรรคภูมิใจไทย เป็น สีน้ำเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อเรียก หรือ ฉายาที่พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน เรียกเรา พรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจ ของสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ทุกคน”

จากนี้ไป เมื่อกล่าวถึงพรรคสีน้ำเงิน ให้เป็นที่รับรู้ว่า คือ พรรคภูมิใจไทย แต่เราจะไม่นำความเป็นพรรคสีน้ำเงิน ไปแบ่งแยกพี่น้องประชาชน หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยก หรือ สร้างสงครามสีเสื้อ สร้างความบอบช้ำ สูญเสียให้แก่พี่น้องประชาชน ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ความเป็นพรรคสีน้ำเงิน ของพรรคภูมิใจไทย จะเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นหลักให้กับการเมืองไทย ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง เข้มแข็ง ด้วยความสงบ สันติ สามัคคี สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ประเทศไทย และธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตลอดไป

ในโอกาสที่วันนี้ เป็นวันครบรอบการก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ครบ 16 ปี จึงขอเชิญชวนให้สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ทุกคน ร่วมกันเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์พรรคภูมิใจไทย และร่วมกันประกาศตัวเป็นสมาชิกพรรคสีน้ำเงิน สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์การทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ตามอุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทย คือ การธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และ นำพาพี่น้องประชาชน ก้าวเดินเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และภัยธรรมชาติรูปแบบต่างๆ ที่จะรุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และ คนไทย มากขึ้น ด้วยความปลอดภัย และมีความพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์ และทุกการเปลี่ยนแปลงของโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากนั้น นายอนุทิน รัฐมนตรีของพรรค คณะกรรมการบริหาร และ สส.พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมกันเปิดผ้าคลุมที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นโลโก้และสัญลักษณ์ใหม่ เป็นสีน้ำเงินล้วน ไม่มีสีอื่นๆปนแต่อย่างใด.-316-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย