โซล 4 ก.พ. – นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้ สั่งการในวันนี้ให้ปรับปรุงแนวปฏิบัติเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากยิ่งขึ้นเพื่อหยุดยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศ
ระบบการเว้นระยะห่างระหว่างกันที่แบ่งออกเป็น 5 ระดับที่ใช้อยู่ในเกาหลีใต้ เกิดกระแสตอบรับในทางลบจากประชาชน เนื่องจากมีการกำหนดข้อจำกัดอย่างไม่เป็นธรรมและประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวกับธุรกิจบางประเภทเป็นการเฉพาะเจาะจง นายกรัฐมนตรีชุง กล่าวต่อที่ประชุมหน่วยงานภายในวันนี้ว่า แทนที่ทางการจะประกาศบังคับใช้มาตรการแต่เพียงฝ่ายเดียว รัฐบาลควรจะออกระเบียบป้องกันไวรัสโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวเตือนในวันนี้ว่า การระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ระลอกที่ 4 ที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษและแอฟริกาใต้ มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ โดยในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์นี้แล้ว 39 ราย ในขณะที่เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดได้ในช่วงแรกโดยไม่ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด แต่มาตการเว้นระยะห่างและแนวปฎิบัติที่เข้มงวดทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้เกาหลีใต้ต้องเผชิญกับอุปสรรคในการควบคุมการระบาดระลอกที่ 3 ในขณะเดียวกันเจ้าของร้านอาหารและคาเฟหลายร้อยแห่งทั่วประเทศร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบจากการห้ามดำเนินธุรกิจ เจ้าของยิมที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการข้อจำกัดประท้วงมาตการเว้นระยะห่างด้วยการเปิดกิจการ ก่อนที่ทางการจะยกเลิกมาตรการคุมเข้มในเวลาต่อมา.-สำนักข่าวไทย