กรุงเทพฯ 11 พ.ค. – “ฉลาด” ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ลุยสอบ 2 ปมร้อน 14 พ.ค. เชิญกรมบัญชีกลางให้ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง-เบิกจ่ายงบประมาณตึก สตง. หลังคำตอบผู้ว่าการ สตง.-ผู้บริหาร ยังไม่เคลียร์ ขณะที่ 15 พ.ค. เรียก “ผู้ร้อง-กกต.” คลายปม “ฮั้วเลือก สว.” หาทางปิดช่องว่างการทุจริตในอนาคต
นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า แม้จะยังเป็นช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา แต่ กมธ.ป.ป.ช. ยังทำงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีที่สังคมกำลังให้ความสนใจ โดยในการประชุมวันพุธที่ 14 พ.ค. 68 มีวาระการติดตามตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ย่านจตุจักร กทม. มูลค่างบประมาณมากกว่า 2.1 พันล้านบาท ที่เกิดโศกนาฏกรรมถล่มลงจนมีผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายนับร้อยคน
การประชุมครั้งที่ผ่านมา กมธ.ป.ป.ช. ได้เชิญผู้ว่าการ สตง. และผู้บริหาร สตง. มาให้ข้อมูลไปแล้ว แต่ยังคงมีประเด็นที่ กมธ.ป.ป.ช. ยังคงติดใจและยังไม่ได้คำตอบจาก สตง. อาทิ กระบวนการเลือกบริษัทรับเหมา, การออกแบบอาคารที่มีข้อสังเกตว่าพยายามเลี่ยงข้อกำหนดในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง, การตั้งงบประมาณสำหรับอุปกรณ์ เครื่องใช้สำนักงาน รวมถึงพื้นที่สันทนาการ ที่ไม่คำนึงถึงความคุ้มค่าและความจำเป็น ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐอื่นๆ ตลอดจนความรับผิดชอบของวิศวกรควบคุมงานและผู้บริหารโครงการ
“การประชุมสัปดาห์นี้ (14 พ.ค. 68) ได้เชิญกรมบัญชีกลาง มาร่วมทำหน้าที่ “ผู้ตรวจสอบผู้ตรวจสอบ” มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อตรวจสอบ สตง. ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบสูงสุดของประเทศ ในส่วนของผู้ว่าการหรือผู้บริหาร สตง. คงต้องเชิญมาให้ข้อมูลต่อ กมธ.ป.ป.ช. อีกอย่างแน่นอน ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือตามกระแสสังคม แต่เป็นการแสวงหาความจริง เพื่อคืนความเชื่อมั่นให้ประชาชน” นายฉลาด ระบุ
ประธาน กมธ.ป.ป.ช. กล่าวอีกว่า ส่วนการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค. 68 จะมีวาระการพิจารณาตรวจสอบการเลือก สว. ปี 2567 ที่ส่อไปในทางทุจริต หรือกรณีฮั้วเลือก สว. ที่แม้ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายเรียกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดแรก ให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว แต่ในชั้น กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความผิดปกติการเลือก สว. ปี 2567 เข้ามาก็จะเดินหน้าตรวจสอบต่อ โดยได้เชิญผู้ร้องในพื้นที่จังหวัดต่างๆ อาทิ จ.อำนาจเจริญ รวมไปถึง กกต. มาให้ข้อมูล เพื่อดูว่ากระบวนการขั้นตอนต่างๆ ตามกฎหมายมีช่องโหว่อย่างไร จึงถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางทุจริต เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขปิดช่องว่างเหล่านั้น เพราะสร้างความเสื่อมเสียโดยตรงต่อฝ่ายนิติบัญญัติและประชาธิปไตย ทั้งในแง่ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ยิ่งหากข้อสันนิษฐานที่ว่ามีความพยายามยึดวุฒิสภา โดยส่งคนของตัวเองเข้ามาเป็น สว. จำนวนมาก ใช้เป็นเครื่องมือต่อรองอำนาจผลประโยชน์ทางการเมือง ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้เด็ดขาด
“ในส่วนของดีเอสไอเป็นการดำเนินคดีนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ขณะที่ในชั้น กมธ.ป.ป.ช. จะเป็นการตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ในการเลือก สว. มีข้อบกพร่องหรือช่องโหว่หรือไม่อย่างไร ถึงมีคนบงการ และทำกันเป็นขบวนการเข้ามายึดวุฒิสภา เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายเช่นนี้” นายฉลาด กล่าว.-316-สำนักข่าวไทย