“พันศักดิ์” เผยไทยจ่อพลิกเกม คุยสหรัฐไม่ใช่แค่เจรจาภาษี แต่สร้างอนาคต ศก.ใหม่

กรุงเทพฯ 11 พ.ค.- “พันศักดิ์” เผยไทยจ่อพลิกเกม ท่าทีต่อสหรัฐ ไม่ใช่แค่เจรจาลดกำแพงภาษี แต่สร้างอนาคตเศรษฐกิจใหม่จากความร่วมมือระหว่างกัน ย้ำไม่เลือกข้างใคร แต่เลือกสันติภาพ


นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้ความเห็นกรณีการเจรจาในฐานะคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า ความพร้อมของทางการไทย สำหรับการเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเรื่องกำแพงภาษี ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บจากหลายประเทศทั่วโลก ยืนยันว่า เรามีความพร้อมกับเรื่องนี้มานานแล้ว เรายืนยันว่าเราพร้อมเจรจา บนพื้นฐานที่เรา “เข้าใจปัญหา” ของสหรัฐอเมริกา เราเป็นคู่ค้ากันมานาน เราต้องคุยกันเพื่อแก้ปัญหานี้

“ท่านทรัมป์ประกาศขึ้นกำแพงภาษีพร้อมกันทั้งโลก เราอยู่อันดับที่ 14 หรือ 12 ซึ่งถามผมตอนนี้ผมก็เห็นใจประธานาธิบดีทรัมป์ ผมรู้ว่าแต่ละวันท่านทรัมป์ออกกฎหมายใหม่ ๆ ออกมา รัฐมนตรีแต่ละคนพูดไม่เหมือนกัน ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติ เพราะประเทศไทยก็เป็นเหมือนกัน และถ้าเราต่อรองกับรัฐบาลใหม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเห็นใจเขา ว่าเขากำลังจัดการตัวเองอยู่ และเราได้ยื่น Notice ให้เขาไปแล้วว่าเราพร้อมคุยด้วย และต้องอย่างมิตร ที่ไม่มีการกล่าวหา และเขาส่งสัญญาณกลับมาว่า เขารู้สึกดี ที่จดหมายของนายกรัฐมนตรีไทยถึงเขา ไม่มีการกล่าวหาซึ่งกันและกัน” นายพันศักดิ์ ระบุ


นายพันศักดิ์ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้พร้อมเผชิญปัญหาเหล่านี้ ทั้งนโยบายรายวัน ที่มีการเตรียมตัวมาแล้ว โดยเฉพาะตนเอง ที่ได้เตรียมตัวมานานแล้วตั้งแต่ได้อ่านหนังสือของ เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เรื่อง “Hillbilly Elegy” หรือ “บันทึกหลังเขา” รวมถึงช่วงก่อนการเลือกตั้ง ที่เราคาดคะเนไว้แล้วว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเราจะเผชิญ 2 อย่าง นั่นคือเรื่องภาษี และปัญหาความสัมพันธ์ทางการค้าภาพใหญ่ ที่เราต้องตอบสนองและนำเสนอ

นายพันศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ทุกปีอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปของประเทศไทย โดยทั่วไปจะค่อย ๆ ขึ้น ๆ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งแตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่นที่วิ่งขึ้นวิ่งลง เพราะเรามีความสามารถในการผลิตอาหารเพื่อส่งออก ซึ่งไม่ใช่แค่ปริมาณที่มากกว่าการขายผลผลิตทางการเกษตรเพียงอย่างเดียวด้วยซ้ำไป ที่สำคัญ อาหารไทยที่เรากินกันอยู่ทุกวันนั้น องค์ประกอบอย่างน้อย 30% มาจากสินค้านำเข้า ทั้งจากอินเดีย เมียนมา กัมพูชา จีน เป็นต้น ซึ่งถ้าประเทศไทยจะทำ “อาหารแปรรูป” เพื่อขาย ยังไงก็ต้องนำเข้า และนี่คืออนาคตที่เป็นจริง

“ที่สำคัญ อาหารหมา-แมวของชาวอเมริกัน ไทยขายเป็นที่ 2 ของโลกในสหรัฐฯ ซึ่งเราต้องใช้ของนำเข้า เพราะวัตถุดิบเราไม่เพียงพอ นี่เป็นตัวอย่างที่เราจะบอกว่า ประเทศไทยยินดีที่จะคิดนโยบายร่วมกันกับสหรัฐอเมริกา พร้อมเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ หากสหรัฐฯ ผลิตอาหารคุณภาพส่งมายังประเทศไทย เราพร้อมแปรรูปอาหารนั้นเพื่อส่งออกไปทั่วโลก เราไม่ต้องส่งกลับไปอเมริกาก็ได้ แค่ส่งออกไปทั่วโลก และที่สำคัญ ประเทศไทยมีความสามารถในการแปรรูปอาหารระดับสูง เช่น อาหารแปรรูปแบบออร์แกนิก ซึ่งเราอยากได้วัตถุดิบจากสหรัฐ ด้วย และทางรัฐบาลใหม่ของสหรัฐก็กำลังสนใจเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องคุยกันอย่างสร้างสรรค์ทั้งสองฝ่าย” นายพันศักดิ์กล่าว


นายพันศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในกระบวนการการผลิตสินค้าสำหรับทุกอุตสาหกรรมทั้งหมดในโลก สิ่งที่ก็อปปี้ยากที่สุดนั่นคือ “อาหาร” โดยเฉพาะรสชาติและเนื้อสัมผัส คือสิ่งที่ก็อปปี้ยากที่สุด ถ้าเราทำเก่งในเรื่องการทำอาหารแปรรูป นี่คือพื้นที่ของเราที่เราจะอยู่ ในขณะที่ประเทศอื่นก็สู้กันไปในเรื่องของการผลิตสิ่งเดียวกันออกมาขาย เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ประเทศไทยต้องหาข้อมูลให้ได้ว่า แหล่งวัตถุดิบพรีเมียมในเอเชีย และในสหรัฐอเมริกา ที่เราจะเอามาใช้ได้ มันอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วเราก็เอามาใช้ได้เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก และบริโภคเองในประเทศได้อีกด้วย

“เวลาคิดถึงเรื่องไทย-สหรัฐ อย่าคิดแค่ในมิติของการยื่นหมูยื่นแมว เรามันแค่จิ้งหรีดตัวเล็ก ไปยื่นหมูยื่นแมวยังไงก็ไม่เท่าเขา เราต้องคิดว่าเรามีอะไรที่เขาอยากเห็นใจประชาชนเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำนโยบายที่ทำให้ประชาชนที่เขาเห็นใจรู้สึกดีได้ เช่น เรามีนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทยปีละ 39 ล้านคน เท่ากับมีลูกค้าที่เราเตรียมของฝากไว้ให้ ซึ่งเป็นของฝากหรือสินค้าจากสหรัฐ 39 ล้านคน หลายคนไม่อยากเดินทางไกลไปถึงนิวยอร์กหรือแอลเอ แต่ก็สามารถซื้อของมือสอง หรือมือหนึ่งคุณภาพสูงได้จากประเทศไทย และที่สำคัญ ตลาด OTOP ของสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงมาก มากกว่าสิบล้านล้านดอลลาร์ เขาไม่ได้ผลิตแค่หนังจากฮอลลีวูดและรถยนต์ฟอร์ด เราเอาแค่ 20 ล้านคนก็ได้ ที่จะซื้อสินค้าจากสหรัฐในเมืองไทยไปเป็นของฝาก” นายพันศักดิ์ กล่าว

นายพันศักดิ์ ยังยกตัวอย่าง กล้องของ Leica ซึ่งเป็นกล้องคุณภาพสูงมาก เราเคยคิดว่าถ้าจะซื้อมือสองคุณภาพดี ต้องซื้อที่นิวยอร์ก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าอยากได้มือสองคุณภาพสูง คุณต้องซื้อที่โตเกียว เพราะคนญี่ปุ่นเขาเลือกมาให้คุณแล้ว คุณภาพและราคาไม่โกหก ดังนั้น หากสรุปว่ากรุงเทพคืออะไร คุณยอมไหม ที่กรุงเทพจะเป็นพื้นที่ของการขายของดีมีคุณภาพและราคาไม่โกหก แม้เป็นของมือสอง เราสามารถทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางของฝากของโลกได้หรือไม่

นายพันศักดิ์ กล่าวว่า แม้กระทั่งการให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางอีกแห่งของการกินอาหารชั้นดีแบบพิเศษของโลกได้หรือไม่ ทำไมโตเกียวเขาทำได้ แล้วกรุงเทพฯ เป็นไม่ได้เหรอ ถามว่าถ้าเรานำเข้าเนื้อคุณภาพจากสหรัฐมา คนไทยจะกินกันซักกี่คน น้อยมาก แต่เรานำมาทำให้นักท่องเที่ยวรับประทานในรูปแบบของเรา ดังนั้น เวลาคิดเรื่องพวกนี้ ต้องคิดให้ไกลกว่าปลายจมูกของเรา

ส่วนเรื่องการสวมสิทธิทางการค้านั้น นายพันศักดิ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนมีความอึดอัดที่มีการทำเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้นในเมืองไทย ซึ่งรัฐบาลจีนเคยขอร้องรัฐบาลไทยให้ใช้กฎหมายเต็มที่สำหรับการสวมสิทธิทางการค้า และการสวมสิทธิไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสวมสิทธิโดยสหรัฐในไทยเพื่อไปขายของในจีน หรือไม่ว่าการสวมสิทธิโดยจีนในไทยและไปขายของในสหรัฐ หรือฝรั่งเศสสวมสิทธิในไทยและไปขายของในศรีลังกา เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด เราไม่เลือกข้างในเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครสมควรสวมสิทธิของใคร แต่ถ้าไม่ว่าบริษัทจากประเทศใด มาทำธุรกิจหรือผลิตสินค้าในไทย โดยผ่านกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายไทยทุกประการ ซึ่งถ้าต่อมา คุณถูกกล่าวหาโดยใครก็แล้วแต่ว่าท่านมาสวมสิทธิ ประเทศไทยจะต่อสู้ให้คุณด้วย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใด และจากประเทศใดก็ตาม ย้ำว่าเรื่องการสวมสิทธิ เราไม่เลือกข้าง เลือกไปแล้วได้อะไร ย้ำว่าทุกบริษัทที่เข้ามาผลิตในประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย

ส่วนนโยบายการลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ที่ไม่จำเป็นอีกว่า การเก็บภาษีนำเข้าแอปเปิลจากสหรัฐถึง 50% แต่ในขณะเดียวกันสินค้าบางตัวเขาเก็บเราแค่ 1-2% ตรงนี้มันเวอร์เกินไป เราก็ต้องลดลงมา ไม่กระทบใครทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งสินค้าอื่น ๆ ก็ตามที่เห็นว่าการเก็บภาษีนำเข้าที่ไม่จำเป็น

“ผมกล้าพูดว่า เราเห็นใจคนอเมริกันมาก ที่ชีวิตตกระกำลำบาก เพราะปรัชญาเศรษฐกิจของอเมริกันแข็งตัวเกินไป ที่จะตอบสนองความเป็นจริงของชีวิตของชาวอเมริกันเอง และน่าตกใจที่สุดว่าคนผิวขาวตกงานมาถึงขนาดนี้ มีชีวิตทุรนทุราย ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีกับประเทศไทยโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อไหร่มหาอำนาจในโลกมีปัญหาภายใน จนกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นั่นเป็นอันตรายมากกับโลก เพราะฉะนั้น ผมจะคิดอะไรก็ตามที่ทำให้คนอเมริกันเหล่านี้ได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของเราและสหรัฐมากที่สุด เพราะเราต้องการเห็นสหรัฐเป็นมหาอำนาจที่มีสติ และมีอนาคต เพราะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะประเทศไทยสามารถมีลูกค้าให้สหรัฐ ซึ่งเป็นคนที่มาเที่ยวเมืองไทยปีหนึ่งกว่า 30 ล้านคน และนี่คือ potential customer (ลูกค้าที่มีศักยภาพ) ของผลิตภัณฑ์จากสหรัฐในเมืองไทย” นายพันศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐกับไทย จะลดลงหรือไม่ นายพันศักดิ์ ระบุว่า ลดอยู่แล้ว เพราะเขาขายของให้เราได้มากขึ้น ซึ่งเราหาทุกวิถีทางที่ทำให้เขาขายของให้เราได้มากขึ้น โดยของที่เราได้มานั้น เป็นของที่ราคาดี มีประสิทธิภาพต่อการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของคนไทย

ส่วนที่หลายคนมองว่า รัฐบาลนี้ทำงานไม่เป็น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติภาษีทรัมป์ นายพันศักดิ์ กล่าวว่า ตนมองต่าง โดยให้เหตุผลว่า ประเทศไทยมีนโยบายว่า เราจะเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพในโลกนี้ ด้วยการแข่งขัน และความมั่งมีร่วมกัน เราจะไม่เข้าข้างใคร แม้เราเข้าข้างจีน จีนก็ยังตรวจทุเรียนเราเหมือนเดิม งั้นเรามาลองหันมาดูประเทศอินเดียสิ น่าขายของให้ไหม และรู้หรือไม่ว่า SMEs ที่เราส่งเสริมตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ขายเครื่องหอม และเครื่องทำความหอมในห้องน้ำให้กับอินเดียเป็นรายได้มหาศาลอย่างน่าตกใจ เรายืนว่า รัฐบาลนี้จะสนทนาทั้งสหรัฐและจีน อย่างเลยอารมณ์ชั่ววูบ ยกตัวอย่างที่เราเคยทำสำเร็จในการเป็นพื้นที่หลักในเจรจาเพื่อสันติภาพในหลายครั้งของภูมิภาคนี้ เพื่อยุติความขัดแย้ง จนกระทั่ง “เปลี่ยนสนามรบ ให้เป็นสนามการค้า” ได้สำเร็จมาแล้ว

“การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง โครงสร้างที่ว่าไม่ใช่อิฐ หิน ปูน ทราย ต้นไม้ หรือถนน แต่โครงสร้างที่ว่า คือ สิ่งที่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มต่อสินทรัพย์ที่มีอยู่” นายพันศักดิ์ กล่าว .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย