โซล 22 ก.ย. – สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือ เคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือรายงานวันจันทร์ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวว่าไม่มีเหตุผลที่จะหลีกเลี่ยงการเจรจากับสหรัฐ หากสหรัฐหยุดยืนกรานให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่เขาจะไม่ยอมแลกเปลี่ยนคลังอาวุธนิวเคลียร์กับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
นายคิมกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า โดยส่วนตัวแล้ว เขายังคงมีความทรงจำที่ดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โดยผู้นำทั้งสองเคยพบปะกันสามครั้งในช่วงที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก
นายคิมกล่าวว่า หากสหรัฐละทิ้งความหมกมุ่นที่ไร้สาระเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์และยอมรับความเป็นจริง รวมถึงต้องการการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างแท้จริง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เกาหลีเหนือจะไม่นั่งลงเจรจากับสหรัฐ นายคิมให้เหตุผลว่า การสร้างอาวุธนิวเคลียร์เป็นเรื่องของการอยู่รอดของประเทศ เพื่อปกป้องความมั่นคงจากภัยคุกคามร้ายแรงของสหรัฐและเกาหลีใต้ เขาอ้างถึงการซ้อมรบทางทหารของพันธมิตรทั้งสองที่เขากล่าวว่าได้พัฒนาเป็นการซ้อมรบเพื่อทำสงครามนิวเคลียร์
นายคิมกล่าวว่า ข้อเสนอการเจรจาล่าสุดจากสหรัฐและเกาหลีใต้นั้นไม่จริงใจ เพราะเจตนาพื้นฐานที่จะทำให้เกาหลีเหนืออ่อนแอและทำลายระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และข้อเสนอแบบเป็นขั้นตอนจากเกาหลีใต้เรื่องการยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนในเรื่องนี้
เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหลายฉบับที่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการห้ามส่งอาวุธ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเงินทุนในการพัฒนาทางทหาร แต่เกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธทรงอานุภาพ
ประธานาธิบดีลี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า มาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้นท้ายที่สุดแล้วไม่สามารถยับยั้งเกาหลีเหนือได้ ซึ่งปัจจุบันยังคงเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมหาศาล 15 ถึง 20 หัวรบเข้าสู่คลังแสงทุกปี เขากล่าวว่า ในความเป็นจริงคือแนวทางเดิมในการคว่ำบาตรและกดดันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่กลับทำให้มันแย่ลง นายลีได้แสดงท่าทีเป็นมิตรตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมิถุนายน โดยกล่าวว่าการเจรจากับเกาหลีเหนือเป็นสิ่งจำเป็น และได้เสนอขั้นตอนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในที่สุด
นายลีกล่าวกับรอยเตอร์ว่า มีอุปสรรคสำคัญในการรื้อฟื้นการเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่เขายังคงเชื่อว่าแนวทางแบบเป็นขั้นตอนในการปลดโครงการนิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่สมจริง และจำเป็นต้องสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมเพื่อนำเกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา โดยนายทรัมป์มีบทบาทสำคัญในความพยายามเหล่านี้.-813.-สำนักข่าวไทย