ปชน.ยื่นร่างแก้รธน.หมวด 15 แล้ว จี้ทุกพรรคเสนอร่างสัปดาห์นี้

รัฐสภา 22 ก.ย.- “เท้ง” นำทีมยื่นร่างแก้รธน.หมวด 15 แล้ว พร้อมจี้ทุกพรรคเสนอร่างในสัปดาห์นี้ เน้นส.ส.ร.ยึดโยงประชาชนมากสุด วอนนายกฯ เดินสายทำความเข้าใจ สส.-สว.เ พื่อให้แก้รธน.สำเร็จตามไทม์ไลน์ ชี้หาก ภท.รักษาสัญญา จะเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับประชาชนบางกลุ่ม


นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมนายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคและสส. ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ฉบับพรรคประชาชน ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะส่งให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นจะได้หารือกับวิปทั้งสามฝ่าย เพื่อนัดบรรจุระเบียบวาระพิจารณาร่วมกับร่างที่เสนอโดยพรรคการเมืองอื่นด้วย ส่วนร่างกฎหมายที่เสนอมาก่อนหน้านี้และ ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้นก็จะต้องถอนออกไปซึ่งการถอนจะต้องถอน ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร


หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่าวันนี้พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกเพื่อเดินหน้าไปสู่การทำประชามติรอบแรก ที่จะรวมคำถามครั้งที่ 1 และคำถามครั้งที่ 2 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว้ด้วยกัน โดยจัดประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังรัฐบาลยุบสภาภายใน 4 เดือนต่อจากนี้
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า เนื้อหาในภาพรวมของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สอดคล้องกับรายละเอียดที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะและรับฟังความเห็นจากประชาชนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ดังนี้

  1. พรรคประชาชนเสนอให้มี “2 กลไกคู่ขนาน” เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 
    กลไกแรก คือคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จำนวน 35 คน ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 70 คน โดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นทีมและใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จากนั้นรัฐสภาคัดเลือก 35 คน แบ่งสัดส่วนตาม สส. สว. และพรรคการเมือง เท่ากับว่าหากสมาชิกรัฐสภามีทั้งหมด 700 คน สมาชิกรัฐสภา 20 คน มีสิทธิรวมตัวกันเพื่อเสนอชื่อ กมธ. ยกร่าง 1 คน
    .
    กลไกที่สอง คือสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 100 คน ทำหน้าที่รับฟังความเห็นประชาชน และสะท้อนความเห็นต่อ กมธ.ยกร่างฯ โดยทั้ง 100 คน มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ใช้ระบบแบ่งเขต ที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นรายบุคคล และใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดละ 1-5 คน ตามจำนวนประชากร
  2. พรรคประชาชนกำหนดเวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ที่ 270 วัน หรือ 9 เดือน โดยให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และกำหนดให้ทั้ง 2 กลไกสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ โดยไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาหรือจากการที่สภาหมดวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงานและความต่อเนื่องของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
  3. เมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ให้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภา หากรัฐสภาเห็นชอบ ให้นำร่างดังกล่าวไปทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่หากรัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างดังกล่าวเป็นอันตกไป โดยหากจะมีการจัดทำฉบับใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ ให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบให้มีการเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ชุดใหม่ขึ้นมาตามกระบวนการเดิม
  4. เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน พรรคประชาชนกำหนดให้ (1) การทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่จำกัดอยู่แค่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ให้ครอบคลุมถึงการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย โดยอาจเริ่มต้นทันทีที่ประชาชนลงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ (2) บุคคลที่ทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น สส. สว. รัฐมนตรี ผู้บริหารหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ในช่วงแรกหลังเสร็จภารกิจ

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า พรรคประชาชนมีข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ ดังนี้

  1. ขอให้พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เข้าสู่สภาภายในสัปดาห์นี้ ตามที่ได้ประกาศไว้ และระบุรายละเอียดในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ที่กำหนดให้มีกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
  2. ขอให้ สส. และ สว. ทุกคน พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1
  3. ขอให้ประธานรัฐสภา เปิดประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ทุกฉบับโดยเร็ว
  4. ขอให้นายกรัฐมนตรี เดินสายทำความเข้าใจกับ สส. และ สว. เพื่อผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 สำเร็จตามเป้าหมายของ MOA

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีให้เดินสายไปยังสมาชิกรัฐสภาทุกคน เพื่อผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสําเร็จภายใต้กรอบที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งไทม์ไลน์หลังจากนี้ ทุกพรรคจะต้องส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญภายในสัปดาห์นี้ เพื่อที่อย่างช้าที่สุดต้นเดือนตุลาคมจะได้เริ่มกระบวนการในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระที่หนึ่งและเดินหน้าแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในวาระที่สองและสามภายในเดือนธันวาคม เพื่อที่จะเดินหน้าสู่การยุบสภาช่วงปลายมกราคม และให้คณะรัฐมนตรีทําประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม


ทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและให้เกิดการรณรงค์เพื่อเกิดความตื่นตัวในช่วงระหว่างการเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายบริหารสามารถดําเนินการได้ สําหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศไม่ร่วมทําหน้าที่ฝ่ายค้านกับพรรคประชาชนจะส่งผลต่อการทํางานหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าการทำหน้าที่ของพรรคประชาชนไม่ได้ลดลง แต่อาจจะทําให้กลไกในการตรวจสอบไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่ตอนนี้เราก็ยังเป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมากอยู่ ทั้งนั้นตนก็เชื่อมั่นว่าในส่วนของพรรคประชาชนจะทําหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ รวมถึง ความชัดเจนในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่จะเดินหน้าตามกรอบ MOA ซึ่ง ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลหากจะแสดงความจริงใจก็ควรจะมีการพูดถึง ไทม์ไลน์ในการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย เมื่อถามว่ามีดีลคดี 44 สส.ของพรรคหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน แต่กาลเวลาจะเป็นเครื่องตัดสินและในส่วนของพรรคเราทําเต็มที่และเป็นผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ภายใต้กระบวนการนิติสงคราม

ทั้งนี้มีกระบวนการในการพูดคุยภายในพรรคอย่างรอบด้านและเทำความข้าใจกับสส.ทุกคน การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นการเลือกตั้งที่เป็นโอกาสที่ดีของประชาชนที่จะต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่อาจจะมีความเสี่ยงหลายอย่าง เช่นคดีของสส. อาจจะมีผลทําให้เสียงโหวตในสภาเลือกนายกรัฐมนตรีเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นกระบวนการจัดการภายในพรรค เราได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว จึงอาจจะมีการประเมินกันในพรรค

เมื่อถามย้ำว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้ามีโอกาสจะจับมือกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าถ้ารัฐบาลทําดีภายใน 4 เดือนรักษาสัญญา ไม่ได้ตีรวน กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นอีกหนึ่งพรรคที่เป็นตัวเลือกที่ดีให้ประชาชนบางกลุ่ม และเราก็พร้อมที่จะแข่งขันกับพรรคภูมิใจไทย รวมถึงทุกพรรคอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้รัฐบาลที่ดีที่สุดในการเลือกตั้ง

ด้านนายพริษฐ์กล่าวว่าจากการพูดคุยกับทางพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการนอกรอบจาก นายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรค ว่ามีการจัดทําร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไว้แล้วและจะยื่นในสัปดาห์นี้ก็ฝากสื่อมวลชนช่วยติดตามด้วยและอยากจะย้ำว่าข้อเรียกร้องของเราต่อพรรคการเมืองมีสองส่วน คือ การยื่นร่างในสัปดาห์นี้ และในส่วนเนื้อหาสาระของร่าง เราอยากให้กลไก ในการจะทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด เป็นหลักสําคัญในการออกแบบตัวเนื้อหาของการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ตนและเพื่อนสมาชิกในการพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อทําให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่สําเร็จ และก่อนหน้านี้ตนก็เดินสายพูดคุยกับเพื่อนสส. สว.ซึ่งเราพร้อมพูดคุยกับทุกฝ่ายให้มากที่สุดเพื่อให้เรื่องนี้สําเร็จ แต่สิ่งที่หัวหน้าพรรคพูดคือบทบาทของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารและแกนนํารัฐบาลเมื่อเรื่องการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็น นโยบายหลักของรัฐบาลชุดนี้ตาม MOA ก็อยากให้นายกรัฐมนตรีแสดงบทบาทนําในการพูดคุย กับสส. สว.เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญสําเร็จได้ในระยะเวลา 4 เดือนตามกรอบที่ตกลงกันไว้ และหากในการอภิปรายนโยบาย แล้วยังไม่เห็นท่าที ก็คงจะต้องนําเรื่องนี้มาสอบถาม จากรัฐบาลโดยตรง.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

“มทภ.2” เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ

22 ก.ย.- “มทภ.2” ขอบคุณนายกฯ ไฟเขียวแก้ปัญหาชายแดน เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก มีแต่เพิ่มกำลัง ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ บินโดรน-ฝังทุ่นระเบิด ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ถก RBC สัปดาห์นี้ ส่วนด้านจันทบุรี – ตราด ยังไม่กำหนดวัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การนำผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 10 ก.ย.68 ไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ประชุมกำหนด ให้มีการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) จัดทำแผนดำเนินการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการ มีแต่จะเพิ่มกำลังในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการกำหนดการประชุมRBC คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค.นี้ […]

“อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย

สมาคมธนาคารไทย 22 ก.ย.- “อนุทิน” ขนทีมเศรษฐกิจถกสมาคมธนาคารไทย ชี้เป็นหัวใจระบบเศรษฐกิจ บอกเคยเป็น Banker มาก่อน ระบุความเห็นเอกชนเป็นประโยชน์ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือดันไทยก้าวสู้ศูนย์กลางอาเซียน-ภูมิภาค นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ให้การต้อนรับ จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการหารือในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” ว่า วันนี้ตนและทีมงานเศรษฐกิจต้องขอบคุณกับการต้อนรับที่อบอุ่น ตั้งใจมาพบกับทุกท่านหลังจากที่มีความชัดเจน ในการจัดตั้งรัฐบาล และตนได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง ในการคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มาบริหารงานด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลของตน ซึ่งพวกท่านน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และวันนี้มีความจำเป็นต้องพบปะ สถาบันหลัก ทางเศรษฐกิจโดยสัปดาห์ที่แล้วได้เดินทางไปที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย เพราะตนก็ออกจากวงการนี้ไปนาน เมื่อไปถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ได้พบกับผู้ประกอบการ ที่เป็นมืออาชีพ […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 22 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ (22 ก.ย. 68) คาดว่าในช่วงวันที่ […]

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย