วอชิงตัน 5 ส.ค.- ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า แอมโมเนียมไนเตรตที่ทางการเลบานอนสันนิษฐานว่าต้นเหตุของการระเบิดใหญ่ในกรุงเบรุตเมื่อวานนี้เป็นสิ่งที่ยังขาดไม่ได้ในโลกปัจจุบัน เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการผลิตปุ๋ยและการก่อสร้าง แม้ว่ามีอันตรายเพราะระเบิดได้ก็ตาม
แอมโมเนียมไนเตรตเป็นผลึกไร้กลิ่น นำมาใช้ทางการเกษตรด้วยการโรยเม็ดหยาบ ๆ บนดิน เพราะสามารถละลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อถูกความชื้นเพื่อปล่อยไนโตรเจนที่สารบำรุงพืชให้เติบโต ขณะเดียวกันเป็นต้นเหตุการระเบิดหลายครั้ง เช่น อุบัติเหตุโรงงานสารเคมีในเมืองตูลูซของฝรั่งเศสปี 2544 ที่มีผู้เสียชีวิต 31 คน เหตุคนร้ายวางระเบิดในเมืองโอคลาโฮมาของสหรัฐปี 2538 ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 168 คน
นางจิมมี ออกซ์ลี อาจารย์ด้านสารเคมี มหาวิทยาลัยโรดไอส์แลนด์อธิบายว่า แอมโมเนียมไนเตรตยากจะติดไฟได้หากถูกเก็บไว้ในสภาพปกติและไม่มีความร้อนสูงมาก แต่คลิประเบิดที่เลบานอนเห็นกลุ่มควันดำ เปลวไฟสีแดง เป็นปฏิกิริยาที่ไม่สมบูรณ์ สันนิษฐานว่าเกิดการระเบิดขนาดเล็กไปเร่งปฏิกิริยาของแอมโมเนียมไนเตรตในโกดังที่นายกรัฐมนตรีเลบานอนระบุว่ามีมากถึง 2,750 เมตริกตัน แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นการระเบิดขนาดเล็กโดยอุบัติเหตุหรือโดยเจตนา อย่างไรก็ดี เนื่องจากสารตัวนี้มีความจำเป็นต่อการทำการเกษตรและการก่อสร้าง หากไม่มีปุ๋ยก็อาจมีอาหารไม่พอเลี้ยงคนทั้งโลก จึงจำเป็นต้องมีต่อไปและใช้อย่างระมัดระวัง
เอเอฟพีอธิบายเพิ่มเติมว่า แอมโมเนียมไนเตรตเป็นตัวออกซิไดซ์ เมื่อติดไฟจะปล่อยออกซิเจนที่ทำให้สารอื่น ๆ ติดไฟตามไปด้วย แม้ว่าแอมโมเนียมไนเตรตเองไม่ใช่สารติดไฟง่าย ดังนั้นการเก็บสารตัวนี้จึงต้องมีระเบียบเคร่งครัด เช่น เก็บให้ห่างจากเชื้อเพลิงและแหล่งความร้อน หลายประเทศในสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) กำหนดให้ต้องเติมแคลเซียมคาร์บอเนตเข้าไปเพื่อให้กลายเป็นแคลเซียมแอมโมเนียมไนเตรตที่มีความปลอดภัยมากขึ้น ขณะที่มาตรฐานต่อต้านก่อการร้ายของโรงงานเคมีในสหรัฐกำหนดให้โกดังที่เก็บแอมโนเมียมไนเตรตเกิน 900 กิโลกรัมจะต้องให้ทางการตรวจสอบ.- สำนักข่าวไทย