สหรัฐ 4 มิ.ย.- หลายเมืองในสหรัฐยังต้องบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว เพื่อหยุดยั้งการประท้วงการเสียชีวิตของชายผิวสีหลังถูกตำรวจผิวขาวจับกุมเมื่อสัปดาห์ก่อน
การประท้วงในสหรัฐได้กลายเป็นจลาจลครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 60 หลายเมืองรวมทั้งกรุงวอชิงตัน นครลอสแอนเจลิส และนครชิคาโก ต้องงัดมาตรการเคอร์ฟิวมาควบคุมการประท้วงที่บานปลายเป็นเหตุจลาจลรุนแรง รวมทั้งที่มหานครนิวยอร์กที่บังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 80 ปี ทางการสหรัฐยืนยันว่าการประกาศเคอร์ฟิว ไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิ์ในการประท้วง แต่เป็นการหยุดยั้งความรุนแรงและการปล้นสะดมธุรกิจร้านค้าที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน อย่างไรก็ดี การชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อมาแล้ว 9 วัน ก็ยังคงดำเนินต่อไป และจนถึงขณะนี้มีผู้ประท้วงถูกจับกุมไปแล้วเกือบ 10,000 คน
ด้านอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ได้กล่าวชื่นชมการประท้วงของชาวอเมริกันที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมด้านเชื้อชาติ และว่าการประท้วงดังกล่าว เป็นการจุดประกายให้รัฐและทางการท้องถิ่นในสหรัฐ ต้องเร่งทบทวนและปฏิรูปนโยบายการใช้กำลังในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนการดำเนินคดีตำรวจที่สังหารฟลอยด์ ได้ถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมเป็นการฆ่าโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนตำรวจอีก 3 นายที่อยู่ในที่เกิดเหตุและถูกให้ออกจากราชการโดยไม่มีการตั้งข้อหา ล่าสุดทั้งหมดได้ถูกตั้งข้อหาให้ความช่วยเหลือในการก่อเหตุแล้ว
ขณะที่นายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ได้สั่งการให้ทหารกองกำลังป้องกันชาติของรัฐฟลอริดา จำนวน 500 นาย ไปช่วยเหลือผู้ประท้วงในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นไปตามการร้องขอของนายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหม ที่ก่อนหน้านั้นเขาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทร้มป์ ที่ต้องการใช้กำลังทหารเข้ายุติการประท้วง.-สำนักข่าวไทย