ฮานอย 6 เม.ย.- เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวลดลง และเสี่ยงจะถูกกดดันเพิ่มขึ้นจากการที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการภาษีใหม่ ขณะที่ผู้นำเวียดนามยืนยันว่า เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนามออกรายงานวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ของเวียดนามขยายตัวร้อยละ 6.93 ในไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ลดลงจากร้อยละ 7.55 ในไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 สำนักงานฯ ประเมินว่า เพื่อให้จีดีพีขยายตัวตามเป้าหมายของรัฐบาลอย่างน้อยร้อยละ 8 ในปีนี้ จีดีพีใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปีจะต้องขยายตัวร้อยละ 8.2-8.4 แต่อัตราภาษีศุลกากรร้อยละ 46 ที่สหรัฐจะเก็บเพิ่มกับสินค้านำเข้าจากเวียดนามตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนตามเวลาสหรัฐอาจทำให้สินค้าส่งออกไปสหรัฐลดลงราวร้อยละ 10 ซึ่งอาจทำให้จีดีพีขยายตัวลดลงร้อยละ 0.84 สินค้าที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดได้แก่ สิ่งทอ รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และสมาร์ทโฟน
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ เปิดเผยว่า สินค้าส่งออกไปสหรัฐเป็นหนึ่งในเครื่องจักรขับเคลื่อนหลักของเวียดนาม ภาษีใหม่ของสหรัฐอาจทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนามลดลง โดยเฉพาะนักลงทุนชาวอเมริกัน เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งจะทำให้การจ้างงานและรายได้ของประชาชนลดลง
ด้านนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ของเวียดนามยืนยันว่า ภาษีใหม่ของสหรัฐไม่ทำให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนเป้าหมายที่ต้องการให้จีดีพีปี 2568 เติบโตอย่างน้อยร้อยละ 8
ทั้งนี้ไตรมาสแรกของปีนี้ สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยที่เวียดนามเป็นฝ่ายเกินดุลการค้าสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.1 จากไตรมาสแรกของปี 2567 เป็น 27,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 942,670 ล้านบาท).-814.สำนักข่าวไทย