นิวยอร์ก 4 พ.ย.- แมคโดนัลด์ เครือร้านอาหารจานด่วนใหญ่ที่สุดในโลกประกาศปลดนายสตีฟ อีสเตอร์บรุค จากตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอแล้ว โทษฐานไร้วิจารณญาณจากการมีความสัมพันธ์แบบยินยอมพร้อมใจกับพนักงานคนหนึ่ง
แมคโดนัลด์แถลงว่า นายคริส เคมป์ซินสกี ประธานแมคโดนัลด์ประจำสหรัฐอเมริกาจะทำหน้าที่ประธานและซีอีโอคนใหม่แทนนายอีสเตอร์บรุคที่ถูกปลดตามที่คณะกรรมการบริการลงมติว่า ละเมิดนโยบายบริษัทและไร้วิจารณญาณจากการทความสัมพันธ์แบบยินยอมพร้อมใจกับพนักงานคนหนึ่ง บริษัทขอยืนยันว่า การปรับเปลี่ยนตำแหน่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผลประกอบหรือฐานะการเงินของบริษัทแต่อย่างใด ส่วนผู้ที่จะทำหน้าที่ประธานแมคโดนัลด์ประจำสหรัฐอเมริกาคนใหม่คือนายโจ เออร์ลิงเกอร์ ประธานตลาดระหว่างประเทศ ด้านนายอีสเตอร์บรุควัย 52 ปี ส่งอีเมลถึงพนักงานว่า ความสัมพันธ์ของเขากับพนักงานเป็นความผิดพลาดที่ละเมิดนโยบายบริษัท และเพื่อให้เป็นไปตามค่านิยมของบริษัท เขาเห็นพ้องกับคณะกรรมการว่าสมควรลาออกจากตำแหน่ง
แมคโดนัลด์ซึ่งมีสาขา 38,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกแจ้งรายงานผลประกอบการเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมว่า รายได้ไตรมาสสามของปีนี้อยู่ที่ 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 162,860 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่กำไรลดลงร้อยละ 1.8 เหลือ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 48,255 ล้านบาท) อันเป็นผลจากการเพิ่มงบประมาณด้านเทคโนโลยี การวิจัยและการพัฒนา เอเอฟพีระบุว่า ช่วงหลายปีมานี้แมคโดนัลด์ได้ทุ่มลงทุนเรื่องบริการส่งอาหารถึงบ้าน การชำระเงินทางโทรศัพท์ และบริการสั่งอาหารแบบไดรฟ์ทรูที่ลูกค้ารับสินค้าโดยไม่ต้องลงจากรถ ขณะเดียวกันก็เผชิญกระแสผู้บริโภคหันมาใส่ใจรับประทานที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น เช่นเดียวกันเครือร้านอาหารจานด่วนอื่น ๆ.-สำนักข่าวไทย