นิวเจอร์ซีย์ 21 มี.ค.- อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะหวังให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งโดยที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำไม่ได้
นายโรเบิร์ต เฮลเลอร์ สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดปี 2529-2532 ให้สัมภาษณ์รายการ Capital Connection ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีของสหรัฐวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า ช่วงนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้แสดงความเห็นเรื่องเฟดมากนัก และคงพอใจจุดยืนของเฟดที่คาดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จากที่คาดการณ์เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อนว่าจะขึ้นสองครั้งในปีนี้ หลังจากขึ้นไปสี่ครั้งเมื่อปีก่อน และถูกทรัมป์วิจารณ์หลายครั้งว่าการขึ้นดอกเบี้ยเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจประเทศ อย่างไรก็ตาม หากประธานาธิบดีต้องการให้เศรษฐกิจแข็งแกร่ง ก็ต้องให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เศรษฐกิจจะเติบโตทั้งที่ดอกเบี้ยต่ำ
ซีเอ็นบีซีอธิบายว่า เศรษฐกิจขยายตัวมักตามมาด้วยภาวะเงินเฟ้อ แต่หากราคาสินค้าและบริการปรับขึ้นมากเกินไปจะทำให้อำนาจในการซื้อลดลงและทำลายความเชื่อมั่น ซึ่งจะกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจ ธนาคารกลางจึงต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้การกู้ยืมมีต้นทุนสูงขึ้น ควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่ให้ร้อนแรงเกินไปและภาวะเงินเฟ้อไม่ให้สูงจัด นายเฮลเลอร์ที่มักเรียกร้องให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่านี้หวังว่า เฟดจะกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดอีกครั้งในกลางปีนี้ เพื่อให้สามารถลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครั้งหน้า
ด้านนายพอล คิตนีย์ นักกลยุทธ์ตราสารทุนในเอเชียแปซิฟิกของไดวาแคปิตัลมาร์เก็ตส์ให้สัมภาษณ์รายการ Squawk Box ของซีเอ็นบีซีในวันเดียวกันว่า คาดว่าสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือใกล้เข้าสู่ภาวะนี้ภายในกลางปีหน้า เฟดได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้เหลือร้อยละ 2.1 จากที่ประมาณการก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 2.3 และลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 2.9 ขัดกับที่รัฐบาลทรัมป์คาดการณ์ในงบประมาณปี 2563 ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวร้อยละ 3.2 ในปีนี้.- สำนักข่าวไทย