กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 85% ของความจุอ่างฯ เร่งระบายวันละ 50 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับอัตราน้ำไหลผ่านอีกรอบ ให้สอดคล้องน้ำเหนือ
จากการประชุมร่วมระหว่างกรมชลประทาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่า เขื่อนสิริกิติ์ที่มีน้ำมากถึง 85% จึงมีมติให้ คงอัตราการระบายน้ำในเกณฑ์ 50 ล้าน ลบ.ม./วัน ไปจนถึง วันที่ 10 กันยายน 2568
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานว่า ปัจจุบัน (30 ส.ค. 2568) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวม 52,541 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 69% ของความจุอ่างฯ รวม สามารถรับน้ำได้อีก 23,964 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับเขื่อนหลักใน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวม 18,337 ล้าน ลบ.ม. หรือ 74% ของความจุอ่างฯ รวม สามารถรับน้ำได้อีกเพียง 6,534 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้ต้องเร่งบริหารจัดการน้ำร่วมกันทั้งระบบ
ขณะเดียวกัน กรมชลประทานได้รายงานสถานการณ์ที่ เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท โดยตั้งแต่ เวลา 10.00 น. ของวันนี้ (1 ก.ย. 2568) จะทยอยปรับการระบายน้ำจาก 1,300 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,350 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 13.00 น. และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบน พร้อมลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยเฉพาะพื้นที่นอกคันกั้นน้ำใน จ.อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา
ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง จึงดำเนินมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุก ดังนี้
- พร่องน้ำจากเขื่อนและอ่างฯ ที่มีระดับน้ำสูง
- เตรียมเครื่องจักรกล–เจ้าหน้าที่ พร้อมเข้าช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยง
- ตรวจสอบ–ซ่อมแซม อาคารชลประทาน ประตูระบายน้ำ คันกั้นน้ำ
- กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- แจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ wmsc.rid.go.th หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร. 1460 สายด่วนกรมชลประทาน ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-512-สำนักข่าวไทย