กรุงเทพฯ 4 ก.ย. – สทนช.ห่วงสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะในลุ่มน้ำยม-น่าน-ป่าสัก-เจ้าพระยา เหตุฝนตกสะสมในรอบสัปดาห์สูงมาก อีกทั้งแนวโน้มฝนยังตกต่อเนื่องจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง-ภาคกลาง หลายเขื่อนมีปริมาณน้ำมาก เร่งพร่องน้ำ เพิ่มพื้นที่รองรับฝนใหม่ช่วงปลายฤดู
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ต่างๆ เพื่อกำชับมาตรการรับสถานการณ์ฝนที่จะคงตกต่อเนื่องจากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนกลางประเทศ รวมทั้งหย่อมความกดอากาศต่ำที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ
สำหรับลุ่มน้ำสำคัญที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งอิทธิพลของพายุหนองฟ้าและร่องมรสุมที่พาดผ่าน ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกสะสมในรอบสัปดาห์สูงเกิน 100 มิลลิเมตร และบางแห่งสูงเกิน 200 มิลลิเมตร
ลุ่มน้ำยม ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่มอกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 104 ของความจุเก็บกัก ซึ่งเกินระดับกักเก็บ และมีน้ำล้นผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ในระดับ 0.35 เมตร ทำให้ระดับน้ำในลุ่มน้ำเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ลำน้ำแม่มอกยังคงมีศักยภาพเพียงพอในการรองรับปริมาณน้ำดังกล่าวได้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่
ขณะที่ลุ่มน้ำน่าน ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนใต้ของเขื่อนสิริกิติ์ ส่งผลให้แม่น้ำน่านบริเวณตัวเมืองย่านเศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลก มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันเหลืออีกเพียงไม่ถึง 1 เมตร จะล้นตลิ่ง ในส่วนของเขื่อนสิริกิติ์ แม้จะปรับลดการระบายน้ำเป็นกรณีเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา จาก 50 ล้าน ลบ.ม./วัน เป็น 25 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อหน่วงน้ำตอนบน ช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ แต่เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนยังมีมากถึงร้อยละ 86 ของความจุเก็บกัก จึงจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดจนถึง 40 ล้าน ลบ.ม./วัน ในช่วงวันที่ 5 – 7 กันยายนนี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยของเขื่อนและเตรียมพื้นที่รองรับน้ำในห้วงถัดไป โดยหน่วยงานจะพิจารณาปรับเพิ่มและลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา พร้อมยืนยันว่า เขื่อนยังคงมีความมั่นคงแข็งแรงดี
ลุ่มน้ำป่าสัก ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานานในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำ ลำน้ำ และห้วยต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชนบริเวณอำเภอหล่มเก่า น้ำหนาว หล่มสัก เมืองเพชรบูรณ์ และหนองไผ่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งอพยพผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางไปยังที่ปลอดภัย และขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง ล่าสุดระดับน้ำลดต่ำกว่าตลิ่งแล้ว น้ำที่ท่วมในลุ่มน้ำป่าสักตอนบนจะไหลน้ำลงสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คาดว่าในอีก 7 วันข้างหน้า ปริมาณน้ำในเขื่อนจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35 ของความจุเก็บกัก เป็นร้อยละ 45 ของความจุเก็บกัก หรือเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)
ทางด้านลุ่มน้ำเจ้าพระยาต้องรองรับน้ำเหนือที่ทยอยไหลลงมา จึงต้องพร่องน้ำหน้าเขื่อนเพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำ จึงมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำถึง 1,500 ลบ.ม. /วินาทีแล้วเช้าวันนี้ โดยปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สทนช. เน้นย้ำให้ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ร่วมกับศูนย์ส่วนหน้าฯ ลุ่มน้ำยม – น่าน บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว ช่วยบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด. -512 – สำนักข่าวไทย