สำนักข่าวไทย 6 ธ.ค. – น้ำมันล้นตลาดโลก โอเปกเปิดประชุมวันนี้เตรียมลดกำลังผลิตครั้งใหญ่ ดันราคาน้ำมัน ด้านทรัมป์ผู้นำสหรัฐค้านสุดตัว น้ำมันแพงเศรษฐกิจโลกจะแย่แต่ไม่สนว่า “สงครามการค้า” ก็ฉุดโลกเช่นกัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวิตข้อความเมื่อวันพุธ (5 ธ.ค.) เรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงผลิตน้ำมันที่ระดับสูงในปัจจุบันก่อนที่โอเปกจะจัดการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในวันนี้
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโอเปกจะยังคงรักษาการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน ไม่ใช่การปรับลดลง โดยโลกไม่ต้องการที่จะเห็นราคาน้ำมันในระดับสูง”
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ท่ามกลางกระแสคาดการณ์กันว่าที่ประชุมจะมีการปรับลดกำลังการผลิต 1.0-1.4 ล้านบาร์เรล/วัน
คณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก รวมถึงรัสเซีย ได้จัดการประชุมเมื่อวานนี้ มีความเห็นร่วมกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปี 2019 เพื่อยกระดับราคาน้ำมันและลดอุปทานส่วนเกินในตลาดโลกแล้วก็ตาม ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐ ทวิตข้อความแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าว
ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ ร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลง 36 เซนต์ หรือ 0.7% เมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาทวีตข้อความกดดันโอเปกอีกครั้งเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโอเปกจะยังคงรักษาการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน ไม่ใช่การปรับลดลง โดยโลกไม่ต้องการที่จะเห็นราคาน้ำมันในระดับสูง”
ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ ได้ทวิตข้อความขอบคุณซาอุดีอาระเบียที่ได้ช่วยให้ราคาน้ำมันร่วงลง พร้อมกับเรียกร้องให้ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลงต่อไป “ราคาน้ำมันกำลังปรับตัวลง สิ่งนี้เหมือนกับการลดภาษีครั้งใหญ่ให้กับอเมริกาและโลก ตอนนี้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 54 ดอลลาร์ หลังจากเพิ่งแตะ 82 ดอลลาร์ ขอบคุณซาอุดีอาระเบีย แต่ก็ขอให้ราคาน้ำมันลดลงต่อไป” ทรัมป์เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์เมื่อเดือนที่แล้ว
กาตาร์ เตรียมออกจากการเป็นสมาชิกโอเปก ข่าวนี้ ก็มีขึ้นภายหลังจาก “นายซาอัด เชอริดา อัล-คาบี” รัฐมนตรีพลังงานกาตาร์แถลงที่กรุงโดฮา เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยได้ประกาศถึงการที่กาตาร์ จะออกจากการเป็นสมาชิกภาพของโอเปก ซึ่งนายอัล-คาบี ระบุว่า จะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 62 นี้ และได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางโอเปก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ให้รับทราบแล้ว
โดยให้เหตุผลว่า กาตาร์ไม่มีศักยภาพในด้านการผลิตน้ำมันป้อนสู่ตลาดโลกเฉกเช่นแต่ก่อน โดยในปัจจุบันนี้ กาตาร์มุ่งเน้นไปที่การผลิต “ก๊าซธรรมชาติเหลว” หรือ “แอลเอ็นจี (Liquefied Natural Gas : LNG)” เป็นหลัก
ผลพวงจากการประกาศข้างต้น ก็เท่ากับ “กาตาร์” เป็นชาติแรกของกลุ่มอาหรับ ที่ออกไปจาก “โอเปก” โดยกาตาร์นี้เอง ก็เป็นชาติแรกของกลุ่มอาหารับอีกเช่นกัน ที่ตบเท้าเข้าเป็นสมาชิกของโอเปก หลังองค์การแห่งนี้ได้รับการสถาปนาก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 1960 (พ.ศ.2503)
ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึง “ก๊าซธรรมชาติเหลว” ต้องยกให้กาตาร์ เป็นชาติที่ผลิตและส่งออกรายใหญ่ที่สุดแถวหน้าของโลก ซึ่งนายอัล-คาบี ได้ระบุด้วยว่า กาตาร์จะไปทุ่มเทพัฒนาศักยภาพในการผลิตก๊าซแอลเอ็นจีเป็นประการสำคัญ
โดยเมื่อว่าถึงศักยภาพการผลิตน้ำมันดิบป้อนสู่ตลาดโลกแล้ว กาตาร์ ณ ปัจจุบัน ก็มีปริมาณการผลิตอยู่ที่ราวๆ วันละ 1.47-1.48 ล้านบาร์เรล ส่วนการผลิตก๊าซแอลเอ็นจี กาตาร์มีศักยภาพการผลิตคิดเป็นรายปี ก็เฉลี่ยราว 110 ล้านตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า การตบเท้าพ้นออกจากสมาชิกภาพโอเปกของกาตาร์นั้น น่าจะมีประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศรวมอยู่ด้วย
ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2017 (พ.ศ.2560) ถึงปัจจุบัน ถึงขั้นเป็น “วิกฤติทางการทูต (Diplomatic Crisis)” ระหว่างกาตาร์กับซาอุดีอาระเบีย ที่ปรากฏว่าไปลากเอาบรรดาประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคต่างๆ มาร่วมวงขัดแย้งด้วย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน อียิปต์ มัลดีฟส์ มอริเตเนีย เซเนกัล จิบูตี คอโมโรส จอร์แดน ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มติดอาวุธที่ปกครองในลิเบีย ก็ยังร่วมวงพิพาทด้วย
โดยในบางประเทศที่ขัดแย้ง ก็มีชาติสมาชิกโอเปกบางประเทศรวมอยู่ด้วย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลุ่มติดอาวุธที่ปกครองลิเบีย และซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นหัวหอกของความขัดแย้งที่บังเกิดขึ้น เพราะเป็นผู้นำในการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ พร้อมปิดล้อมทางเศรษฐกิจสารพัดต่อกาตาร์ โดยอ้างเหตุผลเป็นข้อกล่าวหาว่า เพราะกาตาร์สนับสนุนการก่อการร้าย
นักวิเคราะห์ยังหวังว่ากาตาร์คงจะตบเท้ากลับเข้ามาในโอเปกอีกครั้ง หากวิกฤติทางการทูตคลี่คลาย เหมือนกับบางประเทศ เช่น เอกวาดอร์ ที่เคยออกจากโอเปกไปแล้ว ได้หวนกลับมาภายหลัง แต่ถึงกระนั้น ก็สะท้อนให้เห็นถึง สภาพระหองระแหงขัดแย้งภายใน แบบสนิมเกิดแต่เนื้อในตนของโอเปกได้เป็นอย่างดี
สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทรัมป์ ผู้ที่เรียกตัวเองว่า “ชายผู้มีกำแพงภาษีเป็นอาวุธ”
วันนี้ ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงกว่า 300 จุดในช่วงเช้านี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีแนวโน้มดิ่งลงในคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงขึ้น รวมทั้งข่าวแคนาดาจับกุมตัวนางเหม็ง ว่านโจว CFO หัวเว่ยเทคโนโลยี
ฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นบริษัทรับช่วงผลิตสินค้าอิเลคทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทซัพพลายเออร์รายใหญ่ของแอปเปิล กำลังพิจารณาสร้างโรงงานผลิต iPhone ในเวียดนาม เพื่อลดผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ผลการสำรวจผู้บริหารหลายคนของจีนยังระบุว่า ไทยและเวียดนามถือเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจ หากบริษัทของพวกเขาจำเป็นต้องมองหาแหล่งผลิตสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการทำสงครามการค้า
– นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐและจีนยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐแต่อย่างใด
คำกล่าวของนายคุดโลว์สวนทางคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่า เขาได้บรรลุข้อตกลง”ที่เหลือเชื่อ”กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในการหารือกันนอกรอบการประชุม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจีนได้ตกลงที่จะ “ลดและยกเลิก” การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ จากปัจจุบันที่ระดับ 40% .- สำนักข่าวไทย
