มอสโก 20 ส.ค.- สื่อรัสเซียรายงานว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ น้ำมันดิบที่รัสเซียส่งออกไปอินเดียลดลงถึง 3 เท่า เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของยุโรปและมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐส่งผลต่อธุรกิจพลังงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อรัสเซีย
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์มอสโกไทมส์รายงานว่า บลูมเบิร์กซึ่งเป็นสื่อของสหรัฐอ้างข้อมูลของเคปเลอร์ (Kpler) บริษัทติดตามข้อมูลการเดินเรือว่า ปริมาณน้ำมันดิบรัสเซียที่ส่งออกไปอินเดียอยู่ที่วันละ 400,000 บาร์เรลในเดือนสิงหาคมนี้ ลดลงอย่างมากจากวันละ 1.18 ล้านบาร์เรลที่ส่งออกไปอินเดียเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกรกฎาคม
สหภาพยุโรปหรืออียูได้มีคำสั่งตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ห้ามการซื้อน้ำมันกลั่นจากน้ำมันดิบรัสเซีย และใช้มาตรการจำกัดกับนายาราเอ็นเนอร์จี (Nayara Energy) ในอินเดีย ทำให้คู่ค้าหลายรายลังเลที่จะจัดส่งน้ำมันดิบให้แก่โรงกลั่นของบริษัทนี้ นายาราเอ็นเนอร์จีเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของอินเดีย มีรอสเนฟต์ (Rosneft) รัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัสเซียและกองทุนยูไนเต็ดแคปิตัลพาร์ทเนอร์ส (United Capital Partners) ของรัสเซียเป็นเจ้าของบางส่วน
ต่อมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ประกาศเก็บภาษีศุลกากรอีกร้อยละ 25 กับสินค้าอินเดีย โดยโยงกับเรื่องที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันรัสเซีย ทำให้อินเดียถูกสหรัฐขึ้นภาษีรวมร้อยละ 50 และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน
สื่อรัสเซียรายงานด้วยว่า จีนได้เข้ามาซื้อน้ำมันรัสเซียบางส่วน แต่ยังคงไม่สามารถชดเชยปริมาณน้ำมันส่งออกไปอินเดียที่ลดลงได้ โดยจีนได้ซื้อเพิ่มขึ้น 2 เท่าตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นวันละ 75,000 บาร์เรล ซึ่งไม่ถึง 1 ใน 5 ของน้ำมันที่ส่งออกไปอินเดียวันละ 400,000 บาร์เรลในช่วงเดียวกัน อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐเปิดเผยหลังจากประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซียเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมว่า ยังไม่มีแผนจะขึ้นภาษีจีนในเรื่องนี้.-814.-สำนักข่าวไทย