กรุงเทพฯ 5 ส.ค.- นักการทูตและเยาวชนไทย-จีน เห็นพ้องกันว่ารากฐานสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-จีน แน่นแฟ้นยั่งยืนตั้งแต่โบราณกาลถึงปัจจุบัน คือ ความเชื่อมโยงในภาคประชาชน และความรู้สึกฉันท์พี่น้อง
เวทีเสวนา “บทบาทของเยาวชนที่มีต่อความสัมพันธ์ไทย-จีนเพื่อการสร้างอนาคตร่วมกัน” มีวัตถุ ประสงค์เพื่อให้เยาวชนนักศึกษาไทยและจีน รวม 50 คน ผู้เข้าร่วมโครงการ “ค่ายทูตเยาวชนไทย-จีน” ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับมหาวิทยาลัยพันธมิตรอีก 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้มีข้อมูลพื้นฐานและแนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จากผู้ร่วมเสวนา ซึ่งประกอบด้วย นางจิราพร สุดานิช เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน, นายจ้าว เมิงเทา อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, นาย จ้าว จื้อเจี่ย อดีตประธานสมาคมนักศึกษาจีนและนักวิชาการแห่งประเทศไทย และสมาชิกของสหพันธ์เยาวชนแห่งชาติจีน และนางสาวณัฐต์วรา พิเชษฐพันธ์ คณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชน UNICEF ประเทศไทย และ UNICEF ภูมิภาค East Asia Pacific และคณะทำงานสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย
เมื่อกล่าวถึงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-จีน ก่อนจะถึงวันที่ทั้ง 2 ประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2518 นั้น ไทยและจีนมีความสัมพันธ์หยั่งรากลึกมาไม่ต่ำกว่า 700 ปี โดยเริ่มจากการค้าขายตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของจีน กับสมัยสุโขทัยของไทย นางจิราพร สุดานิช เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ความสัมพันธ์ไทย-จีนมีความพิเศษและยั่งยืนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คือ ต่างมีต้นทุนทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญร่วมกัน 2 ประการคือ การค้าขายและ ความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ซึ่งนับว่าเป็นต้นทุนทางจิตใจ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีสำหรับเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ “ค่ายทูตเยาวชนไทย-จีน” ที่จะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันด้วยการเปิดใจกว้างรับสิ่งใหม่ ๆ ทำความเข้าใจ เห็นค่าของความแตกต่าง รู้จักฟังและเชื่อมโยงแนวคิดสำคัญ
ขณะที่อัครราชทูตที่ปรึกษาจ้าว เมิงเทา จากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีน แนบแน่นยาวนานมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้ เป็นเพราะไทยและจีนมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ผ่านช่วงเวลาทุกข์สุขและช่วยเหลือกันและกันมาตลอด ไม่ว่าจะในช่วงเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน หรือ โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและพระบรมวงศานุวงศ์ ยังมีสายสัมพันธ์อันใกล้ชิด นอกจากสายสัมพันธ์ที่มักมีคำกล่าว “จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” แล้ว ทั้งสองประเทศต่างก็เป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย มีโครงการส่งเสริมเยาวชนไทย ให้มีส่วนร่วมในการสืบสานความสัมพันธ์ไทย-จีน อยู่เป็นประจำ
ด้านนายจ้าว จื้อเจี่ย และนางสาวณัฐต์วรา พิเชษฐพันธ์ ผู้แทนเยาวชนไทยและจีน มองว่า เยาวชนจะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งต่อการสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง และต่อการแสดงบทบาทในประชาคมโลกผ่านความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อภูมิภาคและต่อโลก เช่น การร่วมมือกันในการต่อสู้กับปัญหาสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง หรือ Climate Change รวมทั้งจะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ได้เห็นด้วยสายตาของตนเองออกไปยังโลกภายนอกได้อย่างถูกต้อง.-810 สำนักข่าวไทย