นิวยอร์ก 19 มี.ค.- กลุ่มธนาคารขนาดกลางในอเมริกาหรือเอ็มบีซีเอ (MBCA) ขอให้รัฐบาลกลางคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดของลูกค้าเป็นเวลา 2 ปี รวมถึงเงินที่เกินวงเงินคุ้มครองในปัจจุบันด้วย หลังเกิดมีธนาคารในสหรัฐถูกปิดกิจการไปแล้ว 3 แห่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กอ้างหนังสือที่เอ็มบีซีเอส่งถึงทางการว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยหยุดยั้งไม่ให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารขนาดกลางได้ทันที ช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ภาคการธนาคาร และช่วยลดโอกาสที่จะมีธนาคารปิดกิจการลงได้อย่างมาก เนื่องจากความเชื่อมั่นในธนาคารเกือบทั้งหมด ยกเว้นธนาคารขนาดใหญ่ ถูกสั่นคลอนไปแล้ว แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมของภาคการธนาคารยังคงแข็งแรงและปลอดภัย ขอให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากของรัฐบาลกลางหรือเอฟดีไอซี (FDIC) ธนาคารกลางหรือเฟด (Fed) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นโดยทันที เอ็มบีซีเอขอให้รัฐบาลคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดของลูกค้าธนาคารขนาดกลาง รวมถึงเงินฝากที่เกินวงเงินคุ้มครองสูงสุด 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.5 ล้านบาท) ด้วย โดยที่ธนาคารขนาดกลางจะเป็นฝ่ายเพิ่มจำนวนเงินประกันที่จ่ายให้แก่เอฟดีไอซีอยู่แล้วเพื่อคุ้มครองเงินฝากของลูกค้า
ตลาดกำลังมองว่า ธนาคารในสหรัฐที่จะปิดกิจการเป็นรายต่อไปคือ ธนาคารเฟิร์สท์รีพับลิก (First Republic bank) ถัดจากธนาคารซิลเวอร์เกตที่ปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ธนาคารซิลิคอนวัลลีย์แบงก์หรือเอสวีบี (SVB) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม และธนาคารซิกเนเจอร์แบงก์เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ธนาคารเฟิร์สท์รีพับลิกมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครซานฟรานซิสโก มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 14 ของสหรัฐ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้สูง แต่ราคาหุ้นได้ร่วงลงร้อยละ 80 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารใหญ่ของสหรัฐ 11 แห่งรับปากเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จะนำเงินไปฝากไว้กับเฟิร์สท์รีพับลิกทั้งหมด 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) เพื่อช่วยกอบกู้ความเชื่อมั่นในภาคการธนาคารของประเทศ.-สำนักข่าวไทย