fbpx

สหรัฐขายธนาคารเอสวีบีได้แล้ว

สถาบันคุ้มครองเงินฝากของสหรัฐ หรือเอฟดีไอซี (FDIC) เผยว่า ธนาคารเฟิร์สต์ซิติเซนส์ (First Citizens) จะซื้อเงินฝากและสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารซิลิคอนวัลลีย์แบงก์ หรือเอสวีบี (SVB) ที่ล้มละลายเมื่อต้นเดือนมีนาคมและถูกสั่งปิดกิจการ

สหรัฐขายซิกเนเจอร์แบงก์ให้อีกธนาคาร

สถาบันคุ้มครองเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ หรือเอฟดีไอซี (FDIC) บรรลุข้อตกลงจำหน่ายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของธนาคารซิกเนเจอร์แบงก์ ให้แก่ธนาคารแฟล็กสตาร์แบงก์แล้ว หลังจากสั่งปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม

ธนาคารขนาดกลางในสหรัฐขอให้คุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน

นิวยอร์ก 19 มี.ค.- กลุ่มธนาคารขนาดกลางในอเมริกาหรือเอ็มบีซีเอ (MBCA) ขอให้รัฐบาลกลางคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดของลูกค้าเป็นเวลา 2 ปี รวมถึงเงินที่เกินวงเงินคุ้มครองในปัจจุบันด้วย หลังเกิดมีธนาคารในสหรัฐถูกปิดกิจการไปแล้ว 3 แห่ง สำนักข่าวบลูมเบิร์กอ้างหนังสือที่เอ็มบีซีเอส่งถึงทางการว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยหยุดยั้งไม่ให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารขนาดกลางได้ทันที ช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ภาคการธนาคาร และช่วยลดโอกาสที่จะมีธนาคารปิดกิจการลงได้อย่างมาก เนื่องจากความเชื่อมั่นในธนาคารเกือบทั้งหมด ยกเว้นธนาคารขนาดใหญ่ ถูกสั่นคลอนไปแล้ว แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมของภาคการธนาคารยังคงแข็งแรงและปลอดภัย ขอให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากของรัฐบาลกลางหรือเอฟดีไอซี (FDIC) ธนาคารกลางหรือเฟด (Fed) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นโดยทันที เอ็มบีซีเอขอให้รัฐบาลคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดของลูกค้าธนาคารขนาดกลาง รวมถึงเงินฝากที่เกินวงเงินคุ้มครองสูงสุด 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.5 ล้านบาท) ด้วย โดยที่ธนาคารขนาดกลางจะเป็นฝ่ายเพิ่มจำนวนเงินประกันที่จ่ายให้แก่เอฟดีไอซีอยู่แล้วเพื่อคุ้มครองเงินฝากของลูกค้า ตลาดกำลังมองว่า ธนาคารในสหรัฐที่จะปิดกิจการเป็นรายต่อไปคือ ธนาคารเฟิร์สท์รีพับลิก (First Republic bank) ถัดจากธนาคารซิลเวอร์เกตที่ปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ธนาคารซิลิคอนวัลลีย์แบงก์หรือเอสวีบี (SVB) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม และธนาคารซิกเนเจอร์แบงก์เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ธนาคารเฟิร์สท์รีพับลิกมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครซานฟรานซิสโก มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ […]

ผู้ถือหุ้นฟ้องผู้บริหารและบริษัทแม่ของธนาคารสหรัฐที่ปิดตัว

กลุ่มผู้ถือหุ้นยื่นฟ้องบริษัทแม่ของธนาคารซิลิคอนวัลลีย์แบงก์ หรือเอสวีบี (SVB) และผู้บริหาร 2 คน ของเอสวีบี โดยกล่าวหาว่าปกปิดเรื่องดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นจะทำให้เอสวีบีเสี่ยงถูกลูกค้าแห่ถอนเงินอย่างไร

ชี้ทางการสหรัฐมองข้ามสัญญาณเตือนก่อนเอสวีบีล้ม

ผู้เชี่ยวชาญด้านการธนาคารตำหนิเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการธนาคารของสหรัฐว่า มองข้ามสัญญาณเตือนก่อนที่ธนาคารซิลิคอนวัลลีย์แบงก์หรือเอสวีบี (SVB) จะมีปัญหาจนถูกสั่งปิดกิจการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

รัฐบาลสหรัฐเข้าแทรกแซงหวังสกัดวิกฤตธนาคาร

วอชิงตัน 13 มี.ค.- รัฐบาลสหรัฐดำเนินมาตรการพิเศษหวังหยุดยั้งวิกฤตธนาคารที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากสั่งปิดธนาคารใหญ่ 2 แห่ง กระทรวงคลังสหรัฐ ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด และสถาบันคุ้มครองเงินฝากรัฐบาลกลางสหรัฐหรือเอฟดีไอซี (FDIC) ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ หวังเรียกความเชื่อมั่นในระบบธนาคารของประเทศว่า ผู้ฝากเงินของธนาคารซิลิคอนวัลลีย์แบงก์หรือเอสวีบี (SVB) ที่ถูกสั่งปิดและอายัดทรัพย์สินเมื่อวันศุกร์ และธนาคารซิกเนเจอร์แบงก์ที่ถูกสั่งปิดและอายัดทรัพย์สินเมื่อวันอาทิตย์จะได้รับความคุ้มครองทุกคน และจะสามารถเบิกถอนเงินได้ในวันจันทร์ รวมถึงเงินฝากที่เกินจากวงเงินคุ้มครอง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.62 ล้านบาท) ด้วย ขณะเดียวกันเฟดยังได้ประกาศโครงการให้สินเชื่อฉุกเฉินแบบครอบคลุมแก่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อสกัดกระแสการแห่ถอนเงิน (bank run) ที่จะสั่นคลอนเสถียรภาพของระบบธนาคารและเศรษฐกิจในภาพรวม โครงการนี้จะช่วยให้ธนาคารมีเงินสดให้ลูกค้าเบิกถอน ด้วยการนำพันธบัตรไปค้ำประกันการกู้ยืมจากเฟด โดยไม่ต้องขายพันธบัตรในราคาขาดทุน เอสวีบีมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งขึ้นในปี 2526 เป็นธนาคารใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐ มีสินทรัพย์ทั้งหมด 209,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.27 ล้านล้านบาท) ส่วนซิกเนเจอร์แบงก์มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก ตั้งขึ้นในปี 2544 มีสินทรัพย์มากกว่า 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 3.79 […]

เทคสตาร์ทอัพในสหรัฐเสี่ยงกระทบหนักหลังแบงก์ใหญ่ถูกปิด

นิวยอร์ก 12 มี.ค.- หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า การที่ธนาคารซิลิคอนวัลลีย์แบงก์หรือเอสวีบี (SVB) ถูกทางการสหรัฐสั่งปิดกิจการและอายัดทรัพย์สิน อาจส่งผลกระทบหนักต่อบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและผู้ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดที่ฝากเงินไว้กับธนาคารนี้ สถาบันคุ้มครองเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐหรือเอฟดีไอซี (FDIC) สั่งปิดเอสวีบีเมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐเพื่อสกัดความเสียหายไม่ให้ลุกลาม โดยรับประกันว่าทุกบัญชีจะได้รับเงินฝากคืนโดยเร็วตามวงเงินที่ได้รับความคุ้มครองบัญชีละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8 ล้าน 7 แสนบาท) ส่วนเงินฝากที่เกินความคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับว่าสามารถจำหน่ายทรัพย์สินของเอสวีบีได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งส่วนใหญ่มักกินเวลานาน รายงานประจำปีล่าสุดของเอสวีบีเผยว่า เงินฝากทั้งหมด 173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6 ล้านล้านบาท) เป็นเงินฝากที่ไม่ได้รับความคุ้มครองมากถึงร้อยละ 96 เว็บไซต์ของเอสวีบีโฆษณาว่า เป็นหุ้นส่วนทางการเงินของเศรษฐกิจนวัตกรรม และเคยอ้างว่า เกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทเทคโนโลยีและชีววิทยาศาสตร์ที่ได้รับทุนสนับสนุนในสหรัฐ ฝากเงินไว้กับธนาคารนี้ วาย คอมบิเนเตอร์ (Y Combinator) บริษัทให้คำแนะนำและสนับสนุนสตาร์ทอัพรายใหญ่ในสหรัฐระบุว่า ผู้ฝากเงินคือ  เหยื่อที่แท้จริงของการปิดเอสวีบี ส่วนใหญ่เป็นสตาร์ทอัพที่มีพนักงาน 10-100 คน ซึ่งจะไม่สามารถจ่ายเงินเดือนและจะต้องให้คนพักงานหรือลาออกในวันจันทร์นี้เป็นอย่างเร็วที่สุด ช่วงเวลาแห่งนวัตกรรมของสหรัฐกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะยุคสตาร์ทอัพอเมริกันทั้งยุคอาจถูกทำลายลงภายในเวลาเพียง 1-2 เดือน ขณะที่บิล แอ็คแมน มหาเศรษฐีนักลงทุนเตือนว่า การล้มของเอสวีบีอาจทำลายกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เป็นกลไกสำคัญและระยะยาว ดังนั้นหากไม่สามารถหาทางออกด้วยเงินทุนเอกชน […]

...