16 พ.ค. – พบการโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่สร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หลายแสนเครื่องใน 150 ประเทศทั่วโลกน้อยลงเมื่อวานนี้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ย้ำรัสเซียไม่ได้อยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้
16 พ.ค. – พบการโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่สร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์หลายแสนเครื่องใน 150 ประเทศทั่วโลกน้อยลงเมื่อวานนี้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ย้ำรัสเซียไม่ได้อยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้
โฆษกสำนักงานตำรวจยุโรป หรือยูโรโพล กล่าวว่า สถานการณ์การโจมตีของไวรัสคอมพิวเตอร์ มัลแวร์ที่มีชื่อว่า WannaCry ที่ป่วนโลกถึง 150 ประเทศนั้น ค่อยๆ กลับมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว และพบการโจมตีลดลงอย่างมากเมื่อวานนี้ ขณะที่ในเอเชีย หลายสำนักงานได้ปิดระบบคอมพิวเตอร์ทันท่วงที ก่อนที่มัลแวร์ตัวร้ายนี้จะเข้าโจมตีทันเมื่อวันศุกร์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงน้อยกว่าคาด
สำหรับการจ่ายค่าไถ่ของยูสเซอร์เพื่อปลอดล็อกไฟล์โดนไวรัสมัลแวร์ อยู่ที่ราว 300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,000 บาท) ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐแถลงว่า มีผู้จ่ายค่าไถ่ไปแล้วคิดเป็นเงินไม่ถึง 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.45 ล้านบาท) ขณะบริษัทไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่ด้านคอมพิวเตอร์ของโลก กล่าวถึงการโจมตีของมัลแวร์ต่อคอมพิวเตอร์หลายแสนเครื่องทั่วโลกว่าเป็นเหมือนการเตือนภัยที่สำคัญ และว่าสาเหตุที่มัลแวร์โจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ก็เพราะเจ้าของไม่ได้อัพเดตระบบที่ไมโครซอฟต์ออกมาให้ตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้วนั่นเอง
สำหรับองค์กรสำคัญๆ ที่โดนพิษสงของมัลแวร์ WannaCry ได้แก่ ระบบรถไฟดอยท์เชบาห์น ของเยอรมนี องค์กรสื่อสารเทเลโฟนิกาของสเปน เฟดเอ๊กซ์ ระบบส่งสินค้าของสหรัฐ และกระทรวงมหาดไทยรัสเซีย รวมถึงโรงพยาบาลและธุรกิจบางส่วนในจีน ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
นายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีวี่แววว่าไวรัสมัลแวร์นี้จะเข้าโจมตีเป็นครั้งที่ 2 หลังจากสำนักงานสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษได้รับผลกระทบหนัก
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจมตีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่กำลังระบาดไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับชี้ว่าหน่วยข่าวกรองในสหรัฐเป็นแหล่งที่มาของมัลแวร์ดังกล่าว ภายหลังไมโครซอฟท์ออกมายอมรับว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอสเอ) พัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ในการโจมตี และว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วง ควรจะต้องเจรจาหารือกันอย่างเร่งด่วนและจริงจังของระดับการเมืองของประเทศต่างๆ และจะต้องมีระบบเพื่อป้องกันการโจมตีมิให้เกิดขึ้นอีก. – สำนักข่าวไทย