เคียฟ 11 ต.ค.- ยูเครนประกาศจะเสริมสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง หลังจากถูกรัสเซียใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เมื่อวันจันทร์ แล้วโพสต์ผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมว่า การป้องกันภัยทางอากาศคือสิ่งสำคัญอันดับแรกของความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างยูเครนกับสหรัฐ ยูเครนจะทำทุกอย่างเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพ และจะทำให้ศัตรูต้องเจ็บปวดในสมรภูมิมากกว่าเดิม ผู้นำยูเครนกล่าวถึงการโจมตีของรัสเซียว่า จงใจก่อเหตุในเช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนหวังสังหารผู้คนและทำให้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครนใช้งานไม่ได้
ทางการยูเครนเผยเมื่อวันจันทร์ว่า มีรายงานเหตุระเบิดในหลายเมืองทั่วประเทศในช่วงเช้า ทั้งกรุงเคียฟ เมืองลวิฟ เมืองเตอร์โนปิล เมืองชิโตมีร์ทางฝั่งตะวันตก เมืองนีโปร เมืองเครเมนชุกทางตอนกลาง เมืองซาปอริชเชียทางตอนใต้ และเมืองคาร์คิฟทางฝั่งตะวันออก ขีปนาวุธร่อนจำนวนมากถูกยิงทั้งจากทางอากาศ ทางบก ทางทะเล เป็นการใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศแผ่เป็นวงกว้างที่สุดเพื่อโจมตีจากจุดที่อยู่ห่างจากด่านหน้าของยูเครน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน บาดเจ็บ 97 คน เพราะขีปนาวุธมุ่งเป้าไปที่สี่แยก สวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีเดนีส ชมีฮัลของยูเครนเผยว่า โครงสร้างพื้นฐานหลัก 11 แห่งใน 8 แคว้นตกเป็นเป้าโจมตี ทำให้หลายพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา และก๊าซใช้ ถึงขั้นที่ยูเครนต้องงดการส่งออกไฟฟ้าไปยุโรป เพื่อสงวนไว้ใช้ในประเทศ
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเผยว่า ได้สั่งการให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลจำนวนมากโจมตียูเครน หลังจากกล่าวหายูเครนว่าก่อการร้ายด้วยการระเบิดสะพานเชื่อมคาบสมุทรไครเมียเมื่อวันเสาร์ นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐมองว่า ดูเหมือนว่าการโจมตีขนาดใหญ่พร้อมกันเมื่อวันจันทร์เป็นสิ่งที่รัสเซียวางแผนมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนเหตุระเบิดสะพานไครเมียไม่น่าจะเป็นตัวเร่งให้รัสเซียลงมือเร็วขึ้น.-สำนักข่าวไทย