สำนักข่าวไทย 3 ก.ย. – ศปก.สธ. ไฟเขียว สูตรการฉีดวัคซีนไขว้ “ซิโน+แอสตราฯ” จนถึงสิ้นตุลาคม จากนั้นเดินหน้าฉีดสูตร แอสตราฯ+ไฟเซอร์ หลังจากมีจำนวนวัคซีนทั้งแอสตราฯ และไฟเซอร์มากขึ้น
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประชุมของศูนย์ปฏิบัติฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (ศปก.สธ.) มีมติอนุมัติสูตรฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย โดยอาศัยคำแนะนำจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรค และอิงจากผลการวิจัยในต่างประเทศใหม่ๆ มีคำแนะนำกำหนดสูตรฉีดวัคซีน 1. วัคซีนสูตร ไขว้ ซิโนแวคเป็นเข็ม 1 ตามด้วยแอสตราเซเนกา เป็นเข็ม 2 (Sv + Az) ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ กลุ่มเป้าหมายอายุ 18 ปีขึ้นไป 2. สูตรแอสตราฯ เข็มที่ 1 ตามด้วยไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 (Az+Pz)ห่าง 4-12 สัปดาห์ สำหรับกลุ่มที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยจะมีการใช้อย่างแพร่หลายในเดือนหน้า (ต.ค.) และ 3. เป็นสูตรการฉีดวัคซีนในกลุ่มบูสเตอร์สำหรับคนฉีดซิโนแวค 2 เข็ม กำหนดให้ฉีดเข็ม 3 ด้วยแอสตราฯ (Sv+Sv+Az) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ส่วนในคนที่หายป่วยจากโควิด -19 จำนวนหลายแสนคน คณะกรรมการเห็นตรงกันว่าควรมีการฉีดวัคซีนหลังจากหายป่วยแล้วอย่างน้อย 1 เดือน และภายใน 3 เดือน ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
นพ.โสภณ กล่าวว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันมีประชากรไทยรับวัคซีนไปแล้ว 34 ล้านโดส ส่วนการจัดหาวัคซีนเพื่อให้เพียงพอกับเป้าหมายการฉีดที่ 70% นั้นในส่วนวัคซีนซิโนแวคจะมีการนำเข้าถึงเดือนตุลาคมนี้ โดย ก.ย.และ ต.ค. และมีวัคซีนเข้ามาเดือนละ 6 ล้านโดส ส่วนในเดือน พ.ย. นั้น ยังไม่มีการจัดซื้อเพิ่ม การพิจารณาสั่งซื้อซิโนแวคจากนั้นต่อไปจะทำต่อเมื่อพบว่า มีการพัฒนาวัคซีนในสูตรใหม่ๆ ที่ครอบคลุมการระบาดหรือวัคซีนในเด็ก เนื่องจากวัคซีนเชื้อตายถือว่าเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูง ส่วนวัคซีนแอสตรา จะมีจำนวนวัคซีนเข้ามาเพิ่มมากขึ้นในเดือน ก.ย. 7.3 ล้านโดส และ ต.ค. 10 ล้านโดส และ พ.ย. และ ธ.ค. เดือนละ 13 ล้านโดส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์จะมีวัคซีนเข้ามา ก.ย. 2 ล้านโดส ต.ค. 8 ล้านโดส และ พ.ย.และ ธ.ค. เดือนละ 10 ล้านโดส ส่วนการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 จะไล่เลียง คนที่ได้ไปตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค.ในกลุ่มเสี่ยงโรคประจำตัวก่อน ส่วนที่พบมีคนรับวัคซีนมากกว่า 3 เข็ม บางคนถึง 5 เข็มนั้น เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหรือไม่ยังไม่มีข้อมูลสรุป แต่การได้รับวัคซีนกระตุ้นมากไปเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความผิดปกติในการแบ่งเซลล์ และยังต้องการติดตามผลในระยะยาว .-สำนักข่าวไทย