ทำเนียบ 4 เม.ย.- “จิราพร” สั่งเดินหน้าปราบบุหรี่ไฟฟ้าต่อเนื่อง แม้พ้น 30 วันตามคำสั่งนายกฯ ปลื้มคดีปราบปรามสูงกว่าปี 67 ทั้งปี เผยยอดแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ” ทะลุ 5,000 เคส ย้ำนำกฎหมาย ปปง. มาขยายผล ทำคนไม่กล้าขาย เอาไปทิ้งที่สุสาน
นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมหารือมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ว่า เจ้าหน้าที่ยังคงทำงานและรายงานความคืบหน้าการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเกิดเหตุแผ่นดินไหว โดยได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สคบ. กระทรวงมหาดไทย และศุลกากร ซึ่งยอดของการปรามปรามบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 2 เมษายน 2568 สามารถจับกุมได้แล้ว 2,236 คดี ยึดของกลางได้ 1.6 ล้านแสนชิ้น มูลค่ากว่า 295 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดการรายงานที่เกินปี 2567 แล้ว ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนที่ทำงานอย่างหนัก แต่เราก็จะทำงานต่อไป แม้จะพ้นช่วง 30 วันแล้ว
ส่วนความคืบหน้าการจัดทำแอปพลิเคชันทางรัฐ เพื่อแจ้งเบาะแสบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตั้งแต่ 19 มีนาคม 2568 ถึงปัจจุบัน ได้รับแจ้ง 5,863 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องออนไลน์ 3,434 เรื่อง เรื่องร้านค้าที่มีที่ตั้งกว่า 2,300 ร้านค้า ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังกลั่นกรองข้อมูล โดยยอมรับว่าช่วงแรกยังไม่ได้ข้อมูลเท่าไหร่ แต่เราได้พยายามบริหารจัดการ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ จากมีการประสานงานกับสถาบันบิ๊กดาต้า เพื่อนำเอาข้อมูลการรับแจ้งให้ประชาชน มาแสดงผลให้ประชาชนได้ติดตาม
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของนักเรียน ก็ได้มีการทำแผนคิกออฟ การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้ พอถึงช่วงเปิดเทอมก็จะมีกิจกรรมลงไปที่สถานศึกษา ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ได้มีการตั้งประเด็นให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น กรณีที่ศุลกากรมีการแก้ไขประกาศ เพื่อให้การตรวจค้นตู้ผ่านแดนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายหลังที่มีการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าผ่านชายแดนมากขึ้น โดยศุลกากรมีอำนาจในการเปิดตู้สินค้าได้ หากเจ้าของตู้ไม่มาเปิดภายใน 30 วัน แต่ถ้าเจ้าของตู้มาเปิดก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรร่วมตรวจสอบด้วย
ทั้งนี้ หากพบบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้า ก็จะมีการขึ้นแบล็กลิสต์เอาไว้ จะให้มีการจับตาเป็นพิเศษ โดยเรากำลังศึกษาว่าจะสามารถแบล็คลิสต์ให้กรรมการบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถไปจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ได้
ส่วนกรณีที่ผู้ขายที่มีทั้งรายใหญ่และรายย่อยมีจำนวนมาก แล้วย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ จะดำเนินการอย่างไร นางสาวจิราพร กล่าวว่ารายใหญ่และรายย่อย ซึ่งเราจะขยายผลรายย่อยไปสู่รายใหญ่ และได้ส่งของกลางไปยัง ปปง. เพื่อขยายผล อย่างที่เราจับได้ล็อตใหญ่ที่นนทบุรี ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีร่วมลงพื้นที่ ก็มีการขยายผลไปยังรายอื่นๆ โดยในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดปฏิบัติการ 82 จุดทั่วประเทศ เพื่อทำลายเครือข่ายจากศูนย์กระจายสินค้า
อีกทั้งหลังจากที่เรานำกฎหมาย ปปง. เข้ามาใช้ ก็ทำให้ผู้ประกอบการเกรงกลัว อย่างในพื้นที่ภาคใต้ ก็มีการนำไปทิ้งไว้ที่สุสาน เพราะไม่กล้าจำหน่ายแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล
เมื่อถามว่า การดำเนินการต่างๆ เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นหรือไม่ นางสาวจิราพร ยืนยันว่า ในระยะเร่งด่วนต้องปราบปราม ให้หมดไป เพื่อให้กระทบกับเยาวชนน้อยที่สุด ส่วนในระยะยาวจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งก็ต้องมีการศึกษากันต่อไป .314.-สำนักข่าวไทย