30 ก.ค. – องค์การอนามัยโลก เผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 21 ภายเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ขณะที่อิสราเอลเตรียมฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้แก่ผู้สูงอายุ
องค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21 จากเมื่อสัปดาห์ก่อนนับจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายสัปดาห์ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ทำให้ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 3.8 ล้านคน โดยในช่วงเวลาดังกล่าวสหรัฐ มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากที่สุดกว่า 500,000 คน ตามมาด้วย บราซิล ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 320,000 คน อินโดนีเซียกว่า 280,000 คน อังกฤษเป็นอันดับ 4 ราว 280,000 หมื่นคน ส่วนอินเดียเป็นอันดับ 5 กว่า 2260,000 คน เวลานี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 197 ล้านคน
องค์การอนามัยโลกเตือนว่า หากยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในระดับที่เป็นอยู่เวลานี้ อาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งทะลุ 200 ล้านคน ได้ภายในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะที่ทูตอังกฤษประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า เมียนมาอาจจะมีผู้ติดเชื้อถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศที่มีจำนวน 54 ล้านคน ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า พร้อมกับเรียกร้องให้ยูเอ็นรับประกันว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนให้แก่เมียนมาอย่างมีประสิทธิภาพ จนถึงขณะนี้เมียนมาได้รับวัคซีนจากจีนแล้ว 2 ล้านโดส แต่คาดว่ามีประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเพียงร้อยละ 3.2 เท่านั้น
ด้านนายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ ของอิสราเอล ประกาศว่าทางการจะฉีดวัคซีนเข็มสาม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป การประกาศดังกล่าวทำให้อิสราเอลเป็นประเทศแรกที่จะมีการฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้แก่ประชากรในวงกว้าง
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่อิสราเอลมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าวัคซีนสองเข็มที่ฉีดไปก่อนหน้านั้นมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันการติดเชื้อ
สำหรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามนี้กำหนดว่าคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปซึ่งฉีดวัคซีนครบสองเข็มไปแล้วเป็นเวลานานกว่า 5 เดือน จะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม ขณะที่สหรัฐและยุโรปยังไม่มีประเทศใดอนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม. – สำนักข่าวไทย