ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สกลนคร 10 มี.ค. – สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน


จากกรณีนายวิเชียร หนุ่มสกลนคร วัย 32 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ตกจากกระบะ แล้วถูกรถยนต์อีก 2 คัน ที่ขับตามหลังชนจนเสียชีวิตคาที่ บริเวณบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีบาดแผลแค่ที่คิ้วและหน้าแข้ง หลังเกิดเหตุ นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี นายพรชนก อายุ 41 ปี และนายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี ได้เข้ามอบตัว และถูกดำเนินคดีข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงความตาย

แต่ปรากฏว่าสุดท้ายเรื่องนี้กลับตาลปัตร กลายเป็นเหตุฆาตกรรมอำพราง จัดฉากฆ่า เมื่อนายสกล อายุ 38 ปี นำหนังสือมอบอำนาจจากมารดาผู้ตาย ไปขอยื่นรับเงินประกัน พ.ร.บ.ประกันภัยรถยนต์ จากบริษัทประกันรถเอกชนหลายแห่ง และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พบพิรุธหลายอย่าง ทั้งผลชันสูตรศพ ใบมรณะบัตร ซึ่งไม่สอดคล้องกันกับความเป็นจริง เพราะปกติศพที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ต้องมีรอยถลอกหรือรอยชน แต่ผลชันสูตรกลับมีเพียงบาดแผลสองแห่งเท่านั้น ที่สำคัญ คือมีการทำประกันภัยรถทั้ง 3 คัน รวมทั้งหมดถึง 28 กรมธรรม์ เป็นเงินสูงถึง 14 ล้านบาท โดยรถของนายวิเชียร ผู้ตายคันเดียว ทำพ.ร.บ.กรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับ มากถึง 12 กรมธรรม์ รถของคู่กรณี 2 คัน มีกรมธรรม์คันละ 5 กรมธรรม์ รวมเป็น 22 กรมธรรม์ ยังไม่รวมที่ทำ พ.ร.บ.รถยนต์ภาคสมัครใจ เพิ่มเติมอีก 6 กรมธรรม์ บริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงรวมตัวไปร้องตำรวจภูธรสกลนคร เพราะเชื่อว่านายวิเชียร น่าจะถูกฆาตกรรมแล้วจัดฉากว่าเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เพื่อหวังเงินประกัน โดยคาดว่ามีกลุ่มคนไม่ต่ำกว่า 5 คน ร่วมในขบวนการ


ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขอศาลจังหวัดสว่างแดนดิน ออกหมายจับผู้ต้องหาเบื้องต้น 4 คน คือ 1.นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี 2. นายพรชนก อายุ 41 ปี 3. นายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี และ 4.นายสกล อายุ 38 ปี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยสามารถติดตามจับกุมตัวมาได้ก่อน 3 คน ส่วน 1 คน คือนายพรชนก ถูกจับกุมได้ได้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีออกหมายจับเพิ่มเติมอีก ซึ่งมีตำรวจร่วมอยู่ในขบวนการครั้งนี้ด้วย จากการสอบสวนผู้ต้องหา 3 คน ที่จับได้ในลอตแรก มีนายพีรพัฒน์คนเดียวที่ให้การรับสารภาพ ว่าก่อเหตุจริง มีการวางแผนทำร้ายร่างกายตรงจุดเกิดเหตุ แล้วทำทีให้รถยนต์มาชน เพื่อตบตาอำพรางว่าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ส่วนอีก 2 คนยังให้การปฏิเสธ

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจจึงควบคุมตัวนายพีรพัฒน์ออกจากห้องขัง สภ.วานรนิวาส เพื่อไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบสำนวนคดี ระหว่างเดินไปขึ้นรถ นายพีรพัฒน์ยอมรับว่าเป็นคนทำจริง มีการวางแผนมาล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อนเกิดเหตุ แต่เมื่อถามถึงผู้บงการ กลับปิดปากเงียบ โดยจุดแรก อยู่ลานโล่งริมถนน ที่นัดรวมตัวก่อนก่อเหตุ จากนั้นนายสมศักดิ์และนายพรชนก ขับรถกระบะไปพร้อมกับนายวิเชียร ส่วนนายพีรพัฒน์

ตามมาหลังจากนั้นอีก 10 นาที เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ ห่างจากจุดรวมพลประมาณ 500 เมตร เห็นนายวิเชียรนอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน ไม่รู้ว่ามีชีวิตหรือไม่ จึงหลับตากลั้นใจขับรถผ่านร่างนายวิเชียร แต่ไม่รู้ว่าขับรถเหยียบโดนหรือไม่ ซึ่งรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 3 คันถูกอายัดไว้เป็นของกลาง อยู่ที่ สภ.วานรนิวาสแล้ว ประกอบด้วยกระบะ อีซูซุ สี่ประตู สีขาว ทะเบียนสกลนคร กันชนหน้าด้านซ้ายมีร่องรอยการถูกชนกระบะ อีซูซุ แคปสีขาว ด้านหน้าไม่มีกันชน ยางรั่ว และกระบะ อีซูซุ สีขาว ทะเบียนกาฬสินธุ์


และเมื่อเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจนำตัวนายสกล นายพีรพัฒน และนายสมศักดิ์ ที่ถูกจับได้ลอตแรก ไปขออำนาจศาลฝากขังเรือนจำสว่างแดนดินก่อนครบกำหนดควบคุม 48 ชั่วโมง ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งทั้ง 3 คนไม่ตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด หลังจากนั้น ตร.กองกำกับการสืบสวน.ภ.จว.สกลนครได้ควบคุมตัว นายพรชนก ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้คนสุดท้าย ขณะหลบหนีไปกบดาลใน อ.สว่างแดนดิน มาส่งที่ สภ.วานรนิวาส ซึ่งก็ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน แต่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีนำตัวคุมขังรอการสอบสวน

ทั้งนี้เรื่องราวดังกล่าวการให้การของนายพีรพัฒน์ ได้ให้การเป็นประโยชน์ คาดว่าจะมีคนมีสีเกี่ยวข้องในเรื่อง จนเป็นเรื่องราวของเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพรางดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาและเพื่อประโยชน์ต่อรูปคดีจึงเปิดเผยเชิงลึกไม่ได้ในขณะนี้

สำหรับนายสกล หนึ่งในผู้ต้องหา เคยเป็นอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน และเคยมาให้คำแนะนำเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ประกันภัยรถยนต์กับครอบครัว เมื่อครั้งที่บิดาของผู้ตายเคยเกิดอุบัติเหตุจนนอนติดเตียง จึงทำให้มีความสนิทสนมกับคนในครอบครัวของนายวิเชียรถึงขั้นเล่าความเป็นไปของคนในครอบครัว ซึ่งพี่สาวผู้ตายเคยมาบ่นให้นายสกลฟังว่า อยากให้เอาน้องชายไปสั่งสอน เพราะทนพฤติกรรมที่ชอบทำร้ายพ่อแม่เป็นประจำไม่ไหว ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้นายสกลที่มีความรู้ในเรื่องนี้วางแผนก่อเหตุ โดยร่วมมือกับผู้ต้องหาในขบวนการ ซึ่งล้วนเป็นญาติพี่น้องกับผู้ตายก่อเหตุ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย