กทม.ประสานกรมทางหลวง เร่งแก้ทางเท้าทรุดริมถนนวิภาวดีฯ

กทม. 10 มี.ค.-กทม. ประสานกรมทางหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบทางเท้าทรุดตัวริมถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมเร่งรัดแนวทางเยียวยาและแก้ไขปัญหาระยะยาว

นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีทางเท้าทรุดตัว บริเวณคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้กับสถานีสูบน้ำสุทธิสาร ขาออก ก่อนถึงแยกสุทธิสาร เขตพญาไท เมื่อวันที่ 9 มี.ค.68 ว่า วันนี้ สำนักงานเขตพญาไท ร่วมกับกรมทางหลวง และการประปานครหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นทางเท้าที่กรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการปรับปรุง โดยได้เกิดทรุดตัวเป็นหลุม ขนาดกว้างประมาณ 2.50 เมตร ยาว 3 เมตร ลึก 1 เมตร เบื้องต้นสำนักงานเขตพญาไท จึงได้นำแผงเหล็กมากั้นโดยรอบเพื่อป้องกันเหตุอันตราย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่สัญจรไปมา

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมทางหลวงได้แจ้งผู้รับจ้างให้เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมโดยด่วน ในเบื้องต้นคืนนี้จะมีการนำแผ่นเหล็กมาวางปิดหลุม และประสาน ผู้รับจ้างของกรมทางหลวงให้เข้ามาซ่อมแซมภายใน 1 สัปดาห์

สำหรับการเยียวยา ผู้ได้รับความเสียหายสามารถติดต่อขอรับการเยียวยาได้ที่ สำนักงานเขตพญาไท หรือกรมทางหลวง โดยกรุงเทพมหานคร จะเร่งหารือกับกรมทางหลวง เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในระยะยาว.-417.-สำนักข่าวไทย

รัฐมนตรี แถลงยึดบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบนำเข้าจากจีน กว่า 200,000 ชิ้น
รัฐมนตรี, บุหรี่ไฟฟ้า, ลักลอบนำเข้า, จีน,
กทม. 10 มี.ค.-3 รัฐมนตรี ร่วมแถลงผลงานยึดบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบนำเข้าจากจีน กว่า 200,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจาก DSI สตช. และกรมศุลกากร พร้อมสรุปผลงาน 3 เดือนปี 68 ยึดได้เกือบ 100 ล้านบาท

เมื่อเวลา 15.00 น. นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ได้ร่วมกันแถลงข่าว การขานรับนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแดนกว่า 200,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 900 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาทเศษ จากนั้นมีการขยายผลต่อมาเรื่อยๆจนล่าสุดทางกรมศุลกากรได้รับการข่าวจากทาง DSI ว่าจะมีการส่งสินค้าผิดกฎหมายล็อตใหญ่ผ่านประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้มีการอายัดตู้สินค้าและแจ้งขอใบขนสินค้า แต่ต้นทางยกเลิกการส่งใบขนสินค้า ทางศุลกากรจึงมีการอายัดตู้คอนเทนเนอร์ของกลางไว้ เมื่ออายัดตู้ฯครบเวลา 15 วัน ทางกรมศุลกากรจึงใช้อำนาจในการเปิดตู้ฯทั้งหมด 5 ตู้ฯ พบของกลางผิดกฎหมาย 1 ตู้ โดยสำแดงสินค้าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนประกอบรถยนต์ และเครื่องจักรอื่นๆ จำนวน 1,173 กล่อง แต่ผลการตรวจสอบพบของกลางผิดกฎหมายถึง 210,300 ชิ้น ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง 6,000 ชิ้น น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 6,000 ชิ้น หัวพ็อดบุหรี่ไฟฟ้า 190,100 ชิ้น เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยา 8,200 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 33 ล้านบาท เป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งมายังท่าเรือ LCMT(A0) ส่งมาจากประเทศจีนไปยังประเทศเมียนมา นำเข้าสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบังและจะไปทำการตรวจปล่อยที่ด่านศุลกากรแม่สอด เชื่อได้ว่าเป็นการส่งข้ามไปยังต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ และของผิดกฎหมายเหล่านี้จะกลับเข้ามาในประเทศและขายให้ยังเยาวชน

นางสาวจิราพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 68 น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่แพร่ระบาดในเยาวชน จึงได้มีการประชุมกับหลายหน่วยงานในการซีลชายแดนเพื่อป้องกันการนำเข้าจากต่างประเทศ และได้มีการเข้มงวดในการปราบปรามร้านค้าที่ตั้ง และร้านค้าออนไลน์ ในการปฎิบัติการตั้งแต่ 26 ก.พ. – 9 มี.ค. สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้กว่า 900 ราย ของกลางกว่า 700,000 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาท และในประเทศไทยไม่มีการผลิตบุหรี่ไฟฟ้าเพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ถ้าพบว่ามีการลักลอบนำเข้า หรือลักลอบขาย จะมีการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

นายจุลพันธ์ ได้กล่าวเสริมถึงสถิติการจับกุม ว่า ในปี 2566 ได้จับกุมบุหรี่ไฟฟ้ามูลค่า 97 ล้านบาท ในปี 2567 จับกุม 120 ล้านบาท และในปี 2568 ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. จับกุมแล้วเกือบ 100 ล้านบาท และทางศุลกากรจะเข้มงวดในเรื่องคดี และจะไม่เจรจาใดๆในการระงับคดี

ส่วนของ DSI พันตำรวจตรียุทธนา กล่าวว่า ในเรื่องนี้เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร, เป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน หลังจากที่ดำเนินการตรวจยึดของกลางแล้ว ของกลางจะถูกเก็บไว้ที่กรมศุลกากร และจะขยายผลไปถึงตัวการสำคัญต่อไป ในส่วนของผู้บริโภค พักหลังมาพบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยโดยมีบุหรี่ไฟฟ้าติดมาด้วย ทางเราได้มีการประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้นว่าสิ่งนี้เป็นของผิดกฎหมายเพื่อลดการกระทำผิดในประเทศ แต่ยังคงสร้างความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวควบคู่กันไปด้วย.-420.-สำนักข่าวไทย