วอชิงตัน 1เม.ย. – นางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์เกอเนอร์ ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของสหประชาชาติระบุในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เหตุนองเลือดในเมียนมาใกล้จะเกิดขึ้น เพราะกองทัพเมียนมาใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นในการปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร และขอให้พิจารณาใช้มาตรการเพื่อปกป้องชาวเมียนมา
นางชราเนอร์ เบอร์เกอเนอร์ กล่าวในการประชุมวาระพิเศษที่มีสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้าร่วม 15 ประเทศว่า กองทัพเมียนมาที่ก่อเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ไม่สามารถบริหารจัดการประเทศได้ และเตือนว่าสถานการณ์ในเมียนมาอาจเลวร้ายลงกว่าเดิม เธอขอเรียกร้องให้คณะมนตรีฯ พิจารณาใช้มาตรการทั้งหมดเพื่อดำเนินการร่วมกันและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทำในสิ่งที่ประชาชนเมียนมาสมควรได้รับ และป้องกันวิกฤตการณ์หลายมิติในเมียนมา นอกจากนี้ คณะมนตรีฯ ต้องพิจารณาใช้มาตรการที่อาจมีนัยสำคัญในการป้องกันเหตุนองเลือดที่ใกล้จะเกิดขึ้น
ด้านนางบาร์บารา วูดวอร์ด เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหประชาชาติแถลงหลังการประชุมคณะมนตรีฯ ว่า การกระทำที่รุนแรงของกองทัพเมียนมาเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และต้องได้รับสารที่ชัดเจนจากประชาคมโลก ดังนั้นคณะมนตรีฯ ควรมีส่วนร่วมในการใช้วิธีตอบโต้ระหว่างประเทศ จนถึงขณะนี้คณะมนตรีฯ ได้ออกแถลงการณ์ 2 ฉบับที่แสดงความวิตกกังวลและประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วงในเมียนมา แต่ไม่ได้ตำหนิการก่อเหตุรัฐประหารของกองทัพเมียนมาและการอาจใช้มาตรการเพิ่มเติม เนื่องจากถูกคัดค้านจากจีน รัสเซีย อินเดีย และเวียดนาม ทั้งนี้ สมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองเมียนมาระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุปราบปรามผู้ประท้วงอย่างน้อย 521 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 141 คนแล้ว ซึ่งถือเป็นเหตุนองเลือดครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร. – สำนักข่าวไทย