ทูตยูเอ็นขอให้ใช้มาตรการเลี่ยงเหตุนองเลือดในเมียนมา

ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของสหประชาชาติระบุในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เหตุนองเลือดในเมียนมาใกล้จะเกิดขึ้น เพราะกองทัพเมียนมาใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นในการปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร และขอให้พิจารณาใช้มาตรการเพื่อปกป้องชาวเมียนมา

สองในสามคณะมนตรีความมั่นคงไม่พอใจที่ยูเอ็นเพิกเฉยเหตุนองเลือดในกาซา

สมาชิกสองในสามของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแสดงความวิตกอย่างยิ่งที่มติปี 2559 ไม่ได้รับการปฏิบัติตาม

ชี้เหตุนองเลือดตั้งแต่เดือนก่อนทำให้ชุมชนในรัฐยะไข่ร้าวเกินเยียวยา

สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า เหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนก่อนทำให้ชุมชนในรัฐยะไข่ของเมียนมาเกิดความร้าวฉานจนยากจะเยียวยาได้

ผู้แทนยูเอ็นเผยเหตุนองเลือดในรัฐยะไข่อาจมีคนเสียชีวิตเกิน 1,000 คนแล้ว

โซล 8 ก.ย. – นางลี ยางฮี ผู้เสนอรายงานพิเศษว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนในเมียนมาของสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น กล่าวว่า เหตุความรุนแรงในรัฐยะไข่อาจทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา นางลีกล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างสองฝ่ายรวมกันอาจจะพุ่งสูงเกิน 1,000 คนไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นชาวโรฮิงญา ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ายอดผู้เสียชีวิตที่ทางการรายงานไว้เพียง 432 คน ผู้แทนยูเอ็นกล่าวว่า เป็นไปได้สูงว่ามีการประเมินตัวเลขผู้เสียชีวิตต่ำเกินไป เธอคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่น่าจะเป็นเหตุความรุนแรงครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลกและเลวร้ายที่สุดเท่าที่เมียนมาเคยเผชิญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีพลเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา หลบหนีเหตุความรุนแรงข้ามพรมแดนไปยังฝั่งบังกลาเทศแล้วเป็นจำนวน 164,000 คน หลายคนเสียชีวิตขณะอพยพ ขณะที่ทางการเมียนมารายงานว่า มีบ้านชาวโรฮิงญาถูกเผาทำลายแล้วเป็นจำนวน 6,600 หลัง และมีบ้านของชาวบ้านที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมได้รับความเสียหายอีก 201 หลัง นับแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีพลเรือนเสียชีวิตจากเหตุสู้รบในพื้นที่แล้วราว 30 คน แบ่งเป็นชาวโรฮิงญา 7 คน ชาวฮินดู 7 คน และชาวพุทธในรัฐยะไข่ 16 […]

...