ซิตตเว 25 ก.ย.- สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า เหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนก่อนทำให้ชุมชนในรัฐยะไข่ของเมียนมาเกิดความร้าวฉานจนยากจะเยียวยาได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แต่ละชุมชนเคยอยู่ร่วมกันได้แม้มีเหตุวิวาทเป็นครั้งคราว
สตรีฮินดูวัย 20 ปี ที่อาศัยในค่ายผู้ลี้ภัยเมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่อยู่ในขณะนี้เผยว่า สูญเสียคนในครอบครัวไปถึง 23 ชีวิต เมื่อกลุ่มก่อความไม่สงบโรฮิงญา บุกหมู่บ้านของเธอที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม เธอหนีเอาชีวิตรอดทั้งที่ตั้งครรภ์แก่และเพิ่งคลอดลูกที่สนามฟุตบอลในเมืองซิตตเว ชาวฮินดูซึ่งมีไม่ถึงร้อยละ 1 ในรัฐยะไข่กล่าวหาชาวโรฮิงญาว่าก่อเหตุสังหารหมู่ เผาบ้านเรือน และลักพาตัวสตรี หลายคนกล่าวว่า เคยมีเพื่อนเป็นมุสลิม เคยค้าขายกับชุมชนมุสลิม แต่ขณะนี้ความไว้วางใจที่เคยมีให้กันไม่เหลือแล้ว และจะไม่กลับไปรัฐยะไข่หากยังมีชาวมุสลิมอยู่
ขณะเดียวกันชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 430,000 คนที่หนีข้ามพรมแดนเข้าไปในบังกลาเทศหลังกลุ่มก่อความไม่สงบบุกที่ตั้งทหารตำรวจเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ทำให้กองทัพยกกำลังไปปราบปราม กล่าวหาชาวพุทธในรัฐยะไข่ว่าทำร้ายพวกเขา และกล่าวหากองทัพว่ากวาดล้างหมู่บ้านพวกเขา ชาวโรฮิงญายืนยันว่า ตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่นี้มาหลายศตวรรษแล้ว แต่กองทัพเมียนมาแย้งว่า พวกเขาเป็นชาวเบงกาลีที่จักรวรรดิอังกฤษนำเข้ามาเป็นแรงงานในเมียนมาและหลั่งไหลเข้ามาอย่างผิดกฎหมายหลังจากนั้น เมียนมาออกกฎหมายในปี 2525 ประกาศให้ชาวโรฮิงญาไม่ใช่พลเรือน จำกัดการเดินทางและจำนวนการมีบุตร.- สำนักข่าวไทย