กทม.25 มี.ค.-เสาร์ 27 มี.ค.นี้ กทม.จัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1ชั่วโมงเพื่อลดโลกร้อน” พร้อม 190 ประเทศ 7,000 เมืองทั่วโลก เชิญชวนประชาชนปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ตั้งแต่เวลา 20.30–21.30 น.ช่วยชาติประหยัดพลังงาน ช่วยรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯกทม.) เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ประเทศไทย และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมงเพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2021)”ภายใต้แนวคิด Speak Up For Nature หรือปลุกพลังเพื่อโลกที่เรารัก ยืนหยัดเพื่อธรรมชาติ ในวันที่ 27 มี.ค.64 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป พร้อมร่วมกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ณ บริเวณลานสแควร์ D ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน
รองผู้ว่า กทม.กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา กทม.องค์กร WWF ประเทศไทย และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour)” พร้อมกับ 190 ประเทศ 7,000 เมืองทั่วโลก ปิดไฟที่ไม่จำเป็น เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 20.30- 21.30น.ซึ่งผลการจัดกิจกรรมในปี 2563 พื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 2,482 เมกกะวัตต์ เท่ากับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1,219 ตัน และคิดเป็นมูลค่า 10.15 ล้านบาท และจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551-2563 สามารถลดการใช้กระแสไฟฟ้าได้ 22,369 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าไฟฟ้าที่ลดลง 80.97 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12,227 ตัน
สำหรับปี 2564 กทม.ร่วมกับ WWFประเทศไทยและภาคีเครือข่าย ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน” ภายใต้แนวคิด Speak Up For Nature หรือปลุกพลังเพื่อโลกที่เรารัก ยืนหยัดเพื่อธรรมชาติ ด้วยการรณรงค์ผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชน ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 20.30–21.30 น. โดยเชิญชวนร่วมแชร์การมีส่วนร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยการติดแฮชแท็ก #connect2earth #SpeakUpForNature #BangkokSustainability และ #ปิดเพื่อโลกเปลี่ยนเพื่ออนาคต
ในปีนี้ กทม.ได้เชิญชวนภาคีเครือข่ายและทุกภาคส่วน ร่วมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน โดยมีการประกาศเจตจำนง (Letter of Intent) ร่วมกันขององค์กรเครือข่ายที่มีเป้าหมายดำเนินการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกับกรุงเทพมหานคร 4 ด้าน ได้แก่ (1)ด้านการขนส่งมวลชน (2)ด้านพลังงาน (3)ด้านพื้นที่สีเขียว และ (4)ด้านการจัดการขยะมูลฝอย
ในส่วนของสถานที่ปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ในปีนี้ ประกอบด้วย 5 สถานที่หลัก ได้แก่ (1)วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง (2)วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (3)เสาชิงช้า (4)สะพานพระราม 8 และ (5)ภูเขาทอง (วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร)
นอกจากนี้ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต ภาคีเครือข่าย ผู้ประกอบการเจ้าของอาคาร/สถานที่ ยังร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ถึง 126 แห่ง และเจ้าของอาคารบ้านเรือนในถนน 100 สาย จะพร้อมใจกันร่วมปิดไฟและลดใช้พลังงานในวันดังกล่าวด้วย
“กทม.ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน ในวันที่ 27 มี.ค.64 ตั้งแต่เวลา 20.30–21.30 น. เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือมากกว่าซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าภายในบ้าน ยังช่วยชาติประหยัดพลังงาน ประหยัดงบประมาณ และช่วยรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน และถ้าเราทุกคนร่วมมือกันลดใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องในทุกที่ทุกเวลา จนเป็นกิจวัตรในชีวิตประจำวัน จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน และขอให้ถือเป็นคำมั่นของทุกภาคส่วนที่จะร่วมมือกันตลอดไป” รองผู้ว่าฯกทม.กล่าว .-สำนักข่าวไทย