สธ. 15 มี.ค.-บริษัท แอสตราเซเนกา ประเทศไทย ออกเอกสาร ชี้แจงความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ย้ำอัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด และภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก หรือภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ในผู้ที่ได้รับวัคซีน ต่ำกว่าการพบในประชากรทั่วไป และไม่ต่างจากวัคซีนตัวอื่น โดย EMA จะมีการรายงานอาทิตย์หน้า
นางสาวแอน เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ของแอสตราเซเนกา กล่าวว่า จากการศึกษาทบทวนอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลด้านความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกากับประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนมากกว่า 17 ล้านคน ในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ไม่พบว่ามีหลักฐานใดชี้ให้เห็นถึงอัตราความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด(Pulmonary Embolism) ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก(Deep Vein Thrombosis: DVT) หรือ ภาวะเกล็ดเลือดตํ่า (Thrombocytopenia) ในกลุ่มอายุ เพศ รุ่นการผลิต หรือไม่ว่าจะในประเทศใดก็ตาม
จากข้อมูลจนถึงวันที่ 8 มีนาคม บริษัทฯ ได้รับรายงานถึงอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึกในผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรทั้งหมด 15 รายงาน และรายงานที่เกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดอีก 22 รายงาน เมื่อเทียบจำนวนประชากรแล้ว อัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ได้รับรายงานหลังการฉีดวัคซีนนี้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าอัตราการพบภาวะดังกล่าวในกลุ่มประชากรทั่วไป และยังเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของผู้ผลิตรายอื่นๆที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยรายงานด้านความปลอดภัยประจำเดือนจะมีลงประกาศอยู่ในหน้าเว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหภาพยุโรป (European Medicines Agency-EMA) ในสัปดาห์หน้า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการด้านความโปร่งใสเกี่ยวกับโควิด-19
นางสาวแอน กล่าววว่า นอกจากนี้ในการทดลองทางคลินิกพบว่า ตัวเลขการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันยิ่งต่ำกว่าในกลุ่มของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน อีกทั้งไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าผู้ที่เข้าร่วมการทดลองทั้ง 60,000 ราย มีอาการเลือดออกเพิ่มขึ้น.- สำนักข่าวไทย