นิวยอร์ก 4 มี.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐระบุว่า การตัดสินใจยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยของผู้ว่าการรัฐเทกซัสและมิสซิสซิปปีเป็นความคิดของมนุษย์ยุคหิน ซึ่งจะทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การตัดสินใจยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เขาอยากให้ทุกคนตระหนักว่า หน้ากากอนามัยทำให้การควบคุมโรคโควิด-19 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้สหรัฐมีความพร้อมในการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นที่ถือเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน แต่การระมัดระวังตัวเอง เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ และการเว้นระยะห่างทางสังคมก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เขาไม่อยากให้เกิดความคิดล้าหลังแบบ “นีแอนเดอร์ทัล”ที่เป็นมนุษย์ในยุคหินที่คิดว่า ในตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว ทุกคนถอดหน้ากากอนามัยได้ หรือลืมเรื่องนี้ไปเสีย ทั้งที่สิ่งเหล่านี้ยังคงมีความจำเป็นอยู่
ขณะที่นายเทต รีฟส์ ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐว่า รัฐมิสซิสซิปปีไม่ได้ตกอยู่ในภาวะวิกฤติด้านสุขภาพแล้ว เขาหวังว่าประธานาธิบดีไบเดนควรจะไว้เนื้อเชื่อใจชาวอเมริกันมากกว่าที่จะพยายามดูถูก
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลของทางการสหรัฐระบุว่า สหรัฐยังคงพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันในระดับสูงกว่า 50,000 คน แม้รัฐบาลสหรัฐได้แจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปแล้วกว่า 100 ล้านโดส และฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนกว่า 50 ล้านคน ขณะนี้สหรัฐมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 28.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตราว 518,000 คน ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลก.-สำนักข่าวไทย