โซล 15 ธ.ค. – นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระลอกใหญ่ที่สุดของประเทศ
นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้กล่าวว่า ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยอมใช้ชีวิตอย่างไม่สะดวกเพื่อปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่บางคนกลับทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงจากการใช้ชีวิตที่ไม่ระมัดระวังและขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ดังนั้นในการพิจารณาถึงภาระและผลกระทบของการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 3 ทางการจำเป็นต้องย้อนกลับไปมองว่า ประชาชนทุกคนได้ปฏิบัติตามมาตรการในระดับปัจจุบันดีพอแล้วหรือไม่ รัฐบาลยังไม่อยากใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 3 เนื่องจากจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ทุกคนในประเทศ
ทางการสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุว่า การฝ่าฝืนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นสาเหตุที่ทำให้การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดเลวร้ายลง ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามรับศาสนิกชนเข้าโบสถ์เกินเวลาที่กำหนดหรือธุรกิจต่าง ๆ ที่แอบเปิดให้บริการในเวลากลางคืน ซึ่งถือเป็นการละเมิดคำสั่งปิดบริการต่าง ๆ หลังเวลา 21.00 น.
ทางการเกาหลีใต้สั่งปิดโรงเรียนในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบเป็นเวลาหนึ่งเดือนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งนับว่าเข้าใกล้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 3 ที่จะเป็นการล็อกดาวน์เกาหลีใต้ ทั้งนี้หากต้องล็อกดาวน์บริษัทต่าง ๆ จะอนุญาตให้เฉพาะพนักงานที่มีความจำเป็นเข้ามาในสำนักงานเท่านั้น และห้ามการรวมกลุ่มเกิน 10 คน ด้านสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้หรือเคดีซีเอรายงานวันนี้ว่า เกาหลีใต้มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 880 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่มี 718 คน และมีผู้เสียชีวิต 13 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 44,364 คน และผู้เสียชีวิต 600 คน. -สำนักข่าวไทย