สธ.จ่อชง ศบค.ลดกักตัวเหลือ 10 วัน

สธ.7 ต.ค.-สธ.เสนอตัวเลขลดการกักตัว 10 วันต่อ ศบค.ในอีก 2 สัปดาห์หน้า พิจารณาตามความเหมาะสม อัตราการป่วยในแต่ละประเทศที่เข้ามาไทย และหวังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ เช่น จีน เสี่ยงต่ำกักตัวแค่ 7 วัน แต่มาจากประเทศที่มีอัตราป่วยสูงยังต้องยืนพื้นกักตัวที่14วัน ย้ำจุดขายของไทยคือความปลอดภัย ดังนั้น การพิจารณาต้องรอบคอบแน่นอน


นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรค covid-19 พร้อมเปิดตัวแบบจำลองหรือฉากทัศน์สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยรอบถัดไป ว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิดทั่วโลกไม่มีใครปิดประเทศกันอีกต่อไป จากนี้กระทรวงสาธารณสุข จะพิจารณาสมดุลความเหมาะสมทั้งการดำเนินชีวิตปลอดโรค และสอดคล้องให้ภาวะเศรษฐกิจขับเคลื่อน

โดยขณะนี้ให้กรมควบคุมโรค ทำแผนลดการกักตัวใน state quarantine เสนอ ศบค.พิจารณา โดยจะพิจารณาถึงความปลอดภัย ค่อยๆลดหลั่น จาก14 วัน เหลือ 10 วัน และเหลือ 7 วัน ให้เหมาะสมกับในแต่ละประเทศที่เข้ามาไทย เพราะอย่างจีน เข้ามาประเทศอัตราของการติดเชื้อถือว่า เสี่ยงต่ำ ตรงนี้อาจไม่มีการผ่อนปรนไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน


ส่วนประเทศที่มีการระบาดหนัก อาจยังต้องกักตัว 14 วัน เหมือนเดิม ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ศบค. พิจารณา ได้ภายใน 2 สัปดาห์ เบื้องต้น จะเสนอลดการกักตัวก่อน 10 วัน จากนั้นพิจารณาใช้มาตรการดังกล่าวไปอีก 1 เดือน และมาทบทวนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรต่อไป หากปลอดภัยก็ค่อยๆลดอีก

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การลดการกักตัว ทั่วโลกทำกันเกือบหมดแล้วเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การพิจารณานี้ดูจากหลักฐานวิชาการ ความปลอดภัย ในระยะเวลาที่เหมาะสมในแต่ละประเทศ และอาจเพิ่มรอบการตรวจให้ถี่ขึ้นเพื่อความมั่นใจ และอาจเพิ่มการเจาะเลือดตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การพิจารณาการลดการกักตัว ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะจุดขายของประเทศไทย คือความปลอดภัย ขณะนี้ที่คนส่วนใหญ่อยากมาไทย ก็เพราะว่าไทยปลอดภัยกว่าประเทศอื่น ดังนั้นทุกอย่างจุดขายหรือการพิจารณานักท่องเที่ยวเข้าไทย จะเปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องของปริมาณนักท่องเที่ยวอีก แต่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่อาจปริมาณไม่มาก แต่มีคุณภาพ


ส่วนเรื่องที่ข้อมูลของซีดีซี ออกมาแพร่ว่า มีการติดเชื้อโควิดทางอากาศบางพื้นที่นั้น ไม่ใช่ข้อมูลชุดใหม่ ไม่ต้องกังวล ย้ำการควบคุมโรค ยังไม่ต่างจากเดิม เชื่อไม่ได้รุนแรงขึ้น หรือเบาลง ใช้วิธีป้องกันที่ดีที่สุด ยังเป็นการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และมีระยะห่างทางสังคม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ