กทม. 7 เม.ย. – วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก
วันนี้เจ้าหน้าที่เน้นใช้เครื่องมือหนักเข้ารื้อซากอาคาร สตง.ถล่ม โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้าง แต่ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในกองซากอาคารมีคอนกรีตก้อนใหญ่ และมีเหล็กเส้นจำนวนมาก ที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา
นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หรือ น้ายอด เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ประมาณเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่สามารถเปิดเจาะพื้นที่เป็นโพรงเข้าไปได้ในหลายโซน โดยเฉพาะโซนซี ที่อยู่ด้านหลังภูเขาซากอาคารถล่ม สามารถเปิดพื้นที่และเจาะโพรงลึกเข้าไปได้มากพอสมควร จากนั้นได้ส่งกู้ภัยผสม ทั้งกู้ภัย กทม. และกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าไปสำรวจ ซึ่งสามรถลงไปในแนวดิ่งได้ลึกประมาณ 5-6 เมตร โดยจากการสำรวจพบว่าภายในมีลักษณะเป็นปล่องลิฟต์ ระหว่างสำรวจทีมกู้ภัยได้กลิ่นเหม็นรุนแรง แต่ก็ยังไม่พบร่างผู้ประสบภัย จึงสั่งการให้ขึ้นมาก่อน

ดังนั้น ตั้งแต่ช่วงบ่ายจึงเน้นหนักไปที่การใช้เครื่องมือหนัก เปิดเจาะพื้นที่โซนซี และโซนบี ด้วยความหวังว่าจะนำผู้ประสบภัยขึ้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม ซึ่งเมื่อคืนเจ้าหน้ที่ก็พบชิ้นส่วนมนุษย์หลายชิ้น จึงเชื่อว่าหลายคนถูกของหนักทับอยู่ ซึ่งอาจทำให้ลักษณะทางกายภาพเปลี่ยนไป
ส่วนโซนเอ และโซนดี ซึ่งอยู่ติดกัน และอยู่ด้านหน้าที่ทุกคนมองเห็นได้ วันนี้ก็ได้ใช้แบ็กโฮเปิดพื้นที่ร่วม แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะการเปิดพื้นที่ด้านหน้า อาจทำให้โครงสร้างโครงสร้างเทลาดลงมา และเป็นอันตรายได้
ภาพรวมความคืบหน้าการรื้อซากอาคาร ขณะนี้ดำเนินการไปได้แล้ว 30% ของโครงสร้างหลักทั้งหมด แต่ทั้งนี้ยังห่วงว่าผู้สูญหายจะอยู่ในส่วนฐานที่อยู่ด้านหลังโซนบีและซี ซึ่งมีความหนามาก เพราะเป็นทางเชื่อมไปอาคารจอดรถ หากผู้ประสบภัยอยู่ตรงนั้น จะใช้เวลานาน เพราะจุดนั้นมีความแข็งต้องรื้อหลังสุด ยืนยันการทำงานไม่ได้ล่าช้า แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน หากประมาทโครงสร้างอาจพังลงมาซ้ำและเป็นอันตรายกับผู้ปฏิบัติงานได้

และเนื่องจากช่วงเช้าที่ผ่านมามีฝนตกหนักในพื้นที่ ทำให้หลายจุดมีสภาพกลายเป็นดินโคลน จึงทำให้พื้นบางจุดทรุดตัวเป็นแอ่ง ทำให้แบ็กโฮ ติดหล่มระหว่างทำงาน 1 คัน นายอัญวุฒิ เผยว่า การยุบตัว อาจเกิดจากที่บริเวณด้านล่างอาจมีลักษณะเป็นโพรง จึงทำให้พื้นยุบตัวเล็กน้อย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้กำลังเร่งนำแบ็กโฮขึ้นแอ่งโคลนดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ยอมรับทีมงานทุกคนเหนื่อย แต่ยืนยันจะอยู่ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย จนกว่าจะสามารถนำผู้ประสบภัยคนสุดท้ายออกมา แม้จะมีดราม่า แต่ก็ยังมีอีกหลายคนส่งกำลังใจมาให้ กำลังใจจึงยังดีอยู่ ส่วนการสแกนค้นหาสัญญาณชีพในขณะนี้ไม่พบแล้ว จึงเป็นการชี้พิกัดโดยรวมว่าอยู่ในกองของซากปรักหักพังในอาคาร แต่ไม่ทราบว่าอยู่ในระดับใด เนื่องจากเป็นการถ่ายจากมุมสูงลงมา
ส่วนการถอนภารกิจของทีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น K9 ทีมโรบอต ทีมสแกนถ่ายภาพพื้นที่ที่เป็นทีมเสริมสนับสนุนอุปกรณ์กู้ภัย ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เนื่องจากขณะนี้เน้นไปที่การใช้เครื่อมือหนักเปิดเจาะพื้นที่เมื่อเจอวัตถุหรือสิ่งใดที่สงสัยว่าจะเป็นร่างมนุษย์จะให้ทีมกู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ.-สำนักข่าวไทย