กรุงเทพฯ 23 ก.ย.- ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง 2 อดีตพระ เจ้าคณะกรุงเทพฯ และ อดีตเลขาเจ้าคณะ วัดสามพระยา เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด หลังศาลชั้นต้นจำคุก 6 ปี
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/09/605003-1024x576.jpg)
ศาลอาญาทุจริตและประพฤตมิชอบ ถนนนครไชยศรี ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนายเอื้อน กลิ่นสาลี หรือ อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา, กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กับ นายสมทรง อรรถกฤษณ์ อดีตพระอรรถกิจโสภณและเลขาเจ้าคณะกรุงเทพฯ จำเลยในคดีฟอกเงินจากการทุจริตงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา
โดยศาลฯ เห็นว่า งบประมาณที่สำนักงานพระพุทธจัดสรรมาเป็นงบพระปริยัติธรรม 9 วัด จำนวน 72 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนในสถาบันการศึกษาของวัดที่มีความพร้อม แม้ว่าวัดสามพระยาจะไม่มีโรงเรียนสอนปริยัติธรรมแต่มีการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน อีกทั้งจำเลยทั้ง 2 เป็นบุคคลภายนอกของสำนักงานพระพุทธศาสนาทำให้ไม่ทราบความเป็นมา และจุดประสงค์ของเงินจำนวนนี้ เมื่อได้รับเงินมานำใช้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดและมีพยานหลักฐานว่านำไปสร้างอาคาร “ร่มธรรม”จริง โดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ดูแลวัดจึงมีสิทธินำเงินไปทำนุบำรุงวัดและไม่ได้ถอน รับ โอน หรือ อำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สิน จึงไม่ผิดตามฟ้อง คำอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นศาลจึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
ทั้งนี้ หลังจากศาลพิพากษาเสร็จสิ้น นายสมทรง หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ ร้องไห้กลางห้องพิพากษาด้วยความดีใจ รวมถึง พระสงฆ์ และกลุ่มฆารวาส ต่างดีใจและเข้าร่วมแสดงความยินดี ก่อนจะขึ้นรถกลับวัด
ขณะที่นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะถึงศาลชั้นฎีกาหรือไม่ ต้องรอดูพนักงานอัยการ ฝ่ายโจทก์ว่ายื่นขออนุญาตฎีกาภายใน 30 วัน หากมิฉะนั้นคำพิพากษาก็ถือเป็นที่สิ้นสุด ส่วนหลังจากนี้ อดีตพระพรหมดิลกจะกลับมาสวมใส่ จีวรพระสงฆ์หรือไม่นั้น จากการสอบถาม อดีตพระพรหมดิลกตั้งใจว่าหลังจากนี้จะกลับมาสวมใส่จีวร พร้อมตั้งคำถามฝากไปถึงผู้เกี่ยวข้องว่า จะมีขั้นตอนอย่างไรโดยที่ผ่านมา อดีตพระพรหมดิลก ยังไม่เคยเปล่งวาจา ลาสิกขา ซึ่งตามพระธรรมวินัยยังถือว่าเป็นพระสงฆ์และยังคงรักษาศีลมาอย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย