“ปวีณา” พาครอบครัว “น้องมายด์” พบ ตร.สากล ขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิต

ตร. 24 ก.พ.-“ปวีณา” พาครอบครัว “น้องมายด์” พบตำรวจสากล เร่งตรวจสอบเสียชีวิตแล้วจริงหรือไม่ ด้านพ่อเผยอยากรู้ลูกตายจริงหรือไม่ และใครเป็นคนทำ ระบุ 6 ปีที่ผ่านมาไม่ได้พบลูกเลย หากเสียชีวิตจริงก็อยากนำกระดูกกลับมาทำพิธีที่บ้านเกิด


นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาพ่อแม่ของนางสาวอธิติญา หรือ น้องมายด์ และเพื่อนลูกสาวไปพบและประชุมกับ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ และทีมงานตำรวจสากลไทย เพื่อให้ข้อมูลการหายตัวไปหลังน้องมายด์ อายุ 29 ปี ไปอยู่กินกับสามีชาวบังกลาเทศที่ประเทศโอมานถูกทำร้ายร่างกายสาหัสก่อนจะหายตัวไปนานกว่า 3 เดือน โดยพ่อแม่และเพื่อนๆ ไม่สามารถติดต่อน้องมายด์ได้ จึงร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยตามหาลูกสาว ขณะนี้สามีของน้องมายด์ถูกตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด จึงขอให้ทางตำรวจช่วยประสานตำรวจโอมาน ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังเพื่อนน้องมายด์ให้ข้อมูลการเสียชีวิตของน้องมายด์ ถูกนำร่างไปเผาที่ภูเขาซาบาย่า และสามีให้การรับสารภาพกับตำรวจโอมานแล้ว

นางปวีณา กล่าวว่า น้องมายด์ หรือรีม เดินทางไปอยู่ที่บังกลาเทศตั้งแต่ปี 2563 และกลับมาประเทศไทยในระยะสั้น ๆ เมื่อปี 2567 ก่อนจะไปอยู่กับสามีที่ชื่อคาเร็ก ทางเพื่อนได้ข่าวมาตลอดว่าน้องมายด์ถูกทำร้ายร่างกาย จน 3 เดือนสุดท้ายไม่พบน้องมายด์หรือน้องรีม ต่อมานายคาเร็กถูกตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด โดยคาเร็กให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าน้องมายด์อยู่ที่ไหน ซึ่งเพื่อนของน้องมายด์ได้กลับมาจากต่างประเทศเมื่อวานนี้ให้ข้อมูลว่าน้องมายด์อาจจะเสียชีวิตแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ยืนยันในข้อเท็จจริงจึงอยากให้ตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ช่วยประสานกับตำรวจสากล เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง น้องมายด์ถูกทำร้ายร่างกายโดยมีหลักฐานการทำร้ายร่างกายจนไม่สามารถเดินได้ ทั้งนี้ได้ประสานตำรวจสากลไทย และกระทรวงต่างประเทศเพื่อ ดำเนินการช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไป


เพื่อนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า น้องมายด์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้คบหากับสามีชาวบังกลาเทศคนนี้มานานกว่า 5 ปี ตลอดระยะเวลาทุกคนทราบว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด โดยเมื่อปีที่แล้ว ผู้เสียหายได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ก่อนจะเดินทางกลับไปอีกครั้ง ซึ่งระหว่างที่เดินทางกลับไปรอบที่ 2 ก็ได้ประสานให้ตัวเองซื้อของจากประเทศไทยและนำไปให้ที่ห้องพัก เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยระหว่างที่ตัวเองนำของไปให้ผู้เสียหาย ก็สังเกตเห็นว่าร่างกายของผู้เสียหายถูกทำร้ายมีสภาพซูมผอม หน้าตาบวมปูด ตาปิด กรามยุบ มือและนิ้วบิดผิดรูป และมีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายทั้งแผลใหม่แผลเก่า ก่อนที่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะทราบว่าสามีของผู้เสียหายถูกตำรวจจับในคดียาเสพติด ซึ่งทางตำรวจได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียหาย แต่สามีของมายด์ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล ประกอบกับในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ญาติไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้ จึงรู้สึกเป็นห่วง และเกรงว่าผู้เสียหายจะได้รับอันตราย จึงประสานตำรวจให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามหาตัวนางสาวอธิติญา ขณะเดียวกันเพื่อนผู้เสียหายยังระบุว่ากรณีของนางสาวอธิติญา ไม่ใช่เคสแรกที่ถูกทำร้ายโดยก่อนหน้านี้สามีของผู้เสียหายเคยคบหากับหญิงชาวไทย ซึ่งก็มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเช่นกัน

เพื่อนของน้องมายด์อีกคน เล่าว่า ตัวเองได้ติดต่อกับเพื่อนชาวบังกลาเทศที่อยู่โอมาน ซึ่งรู้จักกับสามีน้องมายด์บอกว่า น้องมายด์ เสียชีวิตแล้วโดยถูกนำร่างใส่โซฟาขนออกจากอาคารที่พักไปเผาเพื่ออำพรางที่ภูเขาซาบาย่า เมืองซาลาลาห์ ประเทศโอมาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เมืองซาลาลาห์ได้สอบปากคำสามีของน้องมายด์ก็ให้การรับสารภาพ ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ขอให้ตำรวจสากลไทยประสานกับตำรวจสากลโอมานตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หากกรณีพบร่างที่ถูกเผาขอให้พิสูจน์ตัวบุคคล ว่าเป็นใคร และใครเป็นผู้กระทำ เพื่อจะได้มีความชัดเจน

นางปวีณา ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนของมายด์ที่อยู่ในประเทศโอมาน โดยเพื่อนของน้องมายด์เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า ทางตำรวจเจอร่างน้องมายด์เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการชันสูตรศพอยู่ โดยยืนยันอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นศพของน้องมายด์


ด้าน พ.ต.อ.ศิลา ตันตระกูล ผกก.กองการต่างประเทศ ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 3 กล่าวว่า ทางตำรวจสากลมีสมาชิกอยู่ 195 ประเทศ โดยตำรวจโอมานก็เป็นสมาชิกของตำรวจสากล การขอความร่วมมือในเรื่องทางคดีเป็นเรื่องปกติของตำรวจสากลที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่ซับซ้อนในการช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการติดต่อประสานข้อมูลกันกับทางตำรวจสากลฝั่งต่างประเทศโอมาน ส่วนเรื่องของกระบวนการติดตามศพ หรือคนที่ก่อเหตุตอนนี้ยังไม่สามารถสืบทราบได้ทันที ทำได้แค่ประสานร้องขอข้อมูลให้ได้มากที่สุด ซึ่งข้อมูลหลักตอนนี้ต้องอยู่กับทางประเทศโอมาน ส่วนในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน หรือเรื่องระยะเวลายังไม่สามารถแจ้งได้ แต่ทางตำรวจสากลไทยของกรุงเทพฯ ยืนยันว่าจะทำการติดตามอย่างดีที่สุด

ด้านพ่อของน้องมายด์ กล่าวว่า อยากขอให้ตำรวจประสานงานให้ดี อยากรู้ว่าลูกตายจริงหรือไม่ และใครเป็นคนทำ ซึ่ง 6 ปี ไม่ได้พบลูกเลย ได้พูดคุยครั้งสุดท้ายผ่านทางโทรศัพท์เมื่อพฤษภาคม 2567 ลูกสาวไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังว่ามีแฟนหรือไม่มีแฟน ลูกไม่เคยพูดถึง ได้พูดคุยกับลูกโดยลูกบอกให้รักษาตัวให้ดี เพราะแม่ก็ตาไม่ดีทั้งสองข้าง หากมีเงินเมื่อไหร่จะโอนมาให้ แม่ก็พิการและตัวเองต้องเลี้ยงหลานที่เป็นเด็กพิเศษอีก 1 คน เพราะลูกเป็นเสาหลัก หากลูกตายไปแล้วอยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยดูแล ทั้งนี้ หากลูกเสียชีวิตแล้วจริงๆ ก็อยากนำกระดูกลูกกลับมาทำพิธี

จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ปี 2567 ปัญหาล่อลวง/ค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ สูงถึง 257 ราย แยกเป็น แจ้งเบาะแส ค้าประเวณีในประเทศ จำนวน 53 ราย และขอความช่วยเหลือค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ ต่างประเทศ 204 ราย กรณีถูกหลอกค้ามนุษยต่างประเทศ มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือกลับมาแล้ว 152 ราย. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย