ชัวร์ก่อนแชร์ : ห้ามใช้มือถือเป็นไฟฉายส่องตู้ไฟฟ้าบ้านจริงหรือ?

ชัวร์ก่อนแชร์ : ห้ามใช้มือถือเป็นไฟฉายส่องตู้ไฟฟ้าบ้านจริงหรือ?


สำนักข่าวไทย 25 เม.ย. – “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์” ตรวจสอบเรื่องคำเตือนห้ามใช้ไฟฉายจากมือถือส่องตู้ไฟฟ้า ที่มากับเรื่องราวของพนักงานช่างไฟฟ้าที่ได้รับบาดเจ็บหลังประสบอุบัติเหตุจากไฟฟ้าแรงสูง

เพิ่มเพื่อน


บนสังคมออนไลน์กำลังมีการส่งต่อข้อความเตือนกันอย่างกว้างขวางว่า “ระวังครับ อย่าเอามือถือทำเป็นไฟฉายส่องตู้ไฟฟ้าที่บ้าน หรือถังน้ำมัน

เมื่อเวลา 14.30 น. (19 เม.ย.59) ขณะที่ จนท.บ.วิทยุการบิน จำนวน 2 นาย คือ นายประเสริฐ คำอ้วน และนายทรงพจน์ มณีคำแสง ซึ่งเดินทางไปซ่อมเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้าที่สนามบินแม่ฮ่องสอน ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติงานจากการใช้โทรศัพท์มือถือเปิดเป็นไฟส่องสว่างใกล้บริเวณที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูง ทำให้โทรศัพท์ระเบิดจากกระแสไฟแรงสูงวิ่งผ่านอากาศเข้าสู่โทรศัพท์ได้รับบาดเจ็บ บริเวณมือ แขน และใบหน้าบางส่วน ถูกนำส่ง รพ.ศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน อาการของ จนท. ทั้ง 2 นายขณะรายงานนี้อยู่ในขั้นปลอดภัย กระผมได้สั่งการในเบื้องต้นให้งดการนำโทรศัพท์มือเข้าไปใช้งานในบริเวณสุ่มเสี่ยงจากพื้นที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูงแล้ว”

เกิดเหตุจริงหรือไม่ ?


120 121

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย ตรวจสอบไปยังวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ได้รับข้อความชี้แจงยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างการดูแลผู้บาดเจ็บ และจะมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

วิทยุการบินแห่งประเทศไทย

จากที่มีข้อมูลถูกเผยแพร่ผ่านทาง Social Media เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของวิทยุการบิน 2 ท่าน ที่เดินทางไปซ่อมบำรุงเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้าที่สนามบินแม่ฮ่องสอน ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติงานจากการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นไฟส่องสว่างใกล้บริเวณที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูง ทำให้โทรศัพท์เกิดระเบิด ส่งผลให้ทั้ง 2 ท่านได้รับบาดเจ็บนั้น

122 123

วิทยุการบินฯ ขอชี้แจ้งเบื้องต้นว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ถูกเผยแพร่จากวิทยุการบินฯ อย่างเป็นทางการ ขณะนี้วิทยุการบินฯ ให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลรักษาอาการบาดเจ็บ และเยียวยาพนักงานผู้ประสบเหตุของเราก่อนเป็นสำคัญในโอกาสแรก

สำหรับกรณีดังกล่าว วิทยุการบินฯ มิได้นิ่งนอนใจในเรื่องมาตรการความปลอดภัย โดยได้ประสานการทำงานร่วมกับนักวิชาการทั้งด้านมือถือและไฟฟ้าเพื่อเร่งดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริง และจะนำรายละเอียดมารายงานให้ทราบต่อไป

กองสื่อสารองค์กร วิทยุการบินแห่งประเทศไทย

คำแถลงดังกล่าวชี้ว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับพนักงานจริง แต่อาจจะไม่ใช่สาเหตุอย่างที่ส่งต่อกัน แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ยังเปิดเผยว่า เรื่องที่แชร์กันนั้นไปไกลจากความจริงอย่างมาก ทั้งนี้ คาดว่าจะสรุปข้อเท็จจริงได้ภายใน 2 วัน

ห้ามใช้ไฟฉายจากมือถือส่องตู้ไฟที่บ้านจริงหรือ?

125 126

ส่วนที่แชร์เตือนว่า “อย่าเอามือถือทำเป็นไฟฉายส่องตู้ไฟฟ้าที่บ้าน หรือถังน้ำมัน” นายดุสิต สุขสวัสดิ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ยืนยันว่า เป็นเรื่องที่ไม่จริงอย่างแน่นอน เนื่องจากไฟฟ้าตามบ้านเรือนเป็นไฟฟ้าแรงดันต่ำ ไม่ใช่แรงดันสูง จึงสามารถใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือส่องสว่างตู้ไฟได้ตามปกติ

“ตู้ไฟที่บ้านเป็นชนิดไฟแรงต่ำ คือ ไฟที่มีแรงดันต่ำกว่า 1,000 โวลต์ จะไม่มีการกระโดดออกมาทำอันตรายกับคนได้ เพราะฉะนั้นการเอาไฟฉายจากมือถือส่องเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ไม่ใช่เอาไปสัมผัสตัวตู้ ถ้ามือถือเป็นโลหะเกิดไปสัมผัสกับตู้ไฟ แล้วเกิดมีไฟรั่วอยู่ อันนี้อาจจะทำให้ดูดมาที่ตัวมนุษย์ได้” นายดุสิต กล่าว

อาจารย์วิศวฯ สจล. กล่าวอีกว่า ส่วนไฟแรงสูงนั้น ถึงแม้จะมีฉนวนหุ้ม แต่มันสามารถข้ามออกมานอกฉนวนได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่อะไรที่เข้าไปใกล้ในสภาวะที่เสี่ยงจะมีการคายประจุลงสู่พื้นดิน ก็อาจจะได้รับอันตรายได้ เพราะฉะนั้นความปลอดภัยจากไฟแรงสูงมีเพียงอย่างเดียว คือ ทิ้งระยะห่างจากไฟแรงสูงให้เหมาะสมตามมาตรฐาน

124 127128

“และถ้าไม่มีความรู้ที่เกี่ยวข้องไม่ควรเข้าไปใกล้บริเวณที่มีอุปกรณ์ไฟแรงสูงนั้นอยู่ ตัวอย่างไฟแรงสูงในชีวิตประจำวัน เช่น ตัวเสาไฟฟ้าที่มีหม้อแปลง สะพานลอยที่ใกล้สายไฟฟ้าแรงสูง โครงเหล็กป้ายโฆษณาอย่าไปจับ ราวสะพานลอย ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็อย่าไปจับ เพราะเราไม่ทราบว่าโอกาสไฟฟ้ารั่วมันมาจากตรงไหนบ้าง” นายดุสิตกล่าวแนะนำ

สำหรับการใช้โทรศัพท์มือถือใกล้กับถังน้ำมัน หรือในสถานีบริการน้ำมัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์เคยตรวจสอบแล้ว สามารถดูเพิ่มเติมได้จาก www.tnamcot.com/content/354702 หรือ https://www.youtube.com/watch?v=9qkULJ5Dn4Q

สรุปแล้วข้อความที่แชร์ดังกล่าว เรื่องราวนั้นยังต้องรอติดตามความชัดเจนว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างไร แต่คำเตือนที่ไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือส่องไฟกับตู้ไฟฟ้าตามบ้านนั้นเป็นคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ควรแชร์ต่อ.-สำนักข่าวไทย
วิธีการ • Add LINE ของสำนักข่าวไทย เข้าไปที่เพิ่มเพื่อน แล้วพิมพ์ @TNAMCOT ถ้าได้รับแชร์อะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาให้เราตรวจใน “ชัวร์ก่อนแชร์” พบกับสกู๊ปข่าวนี้ได้ในข่าวค่ำสำนักข่าวไทยทุกวัน

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]