กกร.มั่นใจปี 60 ส่งออกกลับมาขยายตัวได้

กรุงเทพฯ 9 ม.ค.-กกร.มั่นใจสัญญาณส่งออกไทยเริ่มดีขึ้น ปรับกรอบจากโตเล็กน้อยเป็นโตได้มากกว่าร้อยละ 3   ส่วนผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ไม่มาก น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติใน 2 สัปดาห์


นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังเป็นประธาน กกร.ว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ แต่เศรษฐกิจไทยก็สามารถก้าวผ่านความท้าทายมาได้ โดยในช่วงสุดท้ายของปี ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ราคาสินค้าเกษตรบางรายการที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลและมาตรการภาครัฐเพื่อกระตุ้น       การใช้จ่ายในช่วงปลายปี  ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ​ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันสูงสุดในรอบ 20 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ระดับ 73.7  เทียบกับเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน อยู่ที่ 73.1 และ 72.3 ตามลำดับ เศรษฐกิจภูมิภาค โดยรวมภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล และภาคกลางปรับตัวดีขึ้นมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ


​อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ดังนั้น รัฐบาลมีแนวทางในการปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้สามารถรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในอนาคตได้ ภายใต้วงเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท  เพื่อนำวงเงินที่ได้ไปใช้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด  ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์.-กันยายน 2560

ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจัดทำงบประมาณในรูปแบบกลไกประชารัฐ โดย​สาระสำคัญในการจัดทำโครงการของกลุ่มจังหวัดดังกล่าว เป็นโครงการที่เน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจหรือด้านสังคม และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “มั่นคง  มั่งคั่ง ยั่งยืน” ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) นโยบายประเทศไทย 4.0 นโยบายรัฐบาล และ อัตลักษณ์ (Positioning) ของกลุ่ม จังหวัดและยังเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาและการกระจายความเจริญเติบโตระหว่างจังหวัด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนระดับฐานราก ได้อย่างทั่วถึงทุกกลุ่มจังหวัด และเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560

ทั้งนี้ ​ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการตามแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ เมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2560 ณ สำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาข้อเสนอโครงการของกลุ่มจังหวัดฯ ทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด โดยแบ่งงบประมาณออกเป็น 2 ส่วน คือ


งบประมาณ 70,000 ล้านบาท ตามที่เสนอโดย 18 กลุ่มจังหวัด (4,000 ล้านบาท กลุ่ม) งบประมาณ 30,000 ล้านบาท  ( กองทุน SME/Missing Links – Cross Regional หรือ Function to area /Big rock projects)

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณา ในวันที่ 16 มกราคม และ เสนอ สนช. ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์  และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ในเดือนเมษายนนี้  จะช่วยส่งผลในการขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ประมาณ ร้อยละ 0.3 -0.5 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณว่าจะเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ และ​คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปี 2559 ซึ่งการส่งออกในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าการค้า 18,911 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว ร้อยละ 10.2 เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน  และในปีนี้แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลบวก ต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรบางรายการ กกร. จึงคาดการณ์ ในปี 2560  การส่งออกของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบ ร้อยละ 1.0- 3.0 จากกรอบเดิมร้อยละ 0.0 -2.0

ในด้านการท่องเที่ยวในปีนี้  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ  10 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.77 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 1.81 ล้านล้านบาท และรายได้ในประเทศ 950,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.51 หรือจำนวน 34.4 ล้านคน จากปีก่อนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยว 32.6 ล้านคนรวมถึง หากรัฐบาลสามารถผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในแผนประมาณ 956,600 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่า 45,600 ล้านบาท) โครงการที่อยู่ระหว่างการประมูล มูลค่า 488,000 ล้านบาทโครงการที่อยู่ระหว่างเสนอ ครม.อนุมัติ มูลค่า 176,000 ล้านบาท โครงการที่อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจา PPP มูลค่า 247,000 ล้านบาท จะช่วยทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของภาคเอกชน

นอกจากนี้ ภาคเอกชนได้มีการขอขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โดยได้มีหนังสือถึงนายอภิศักดิ์  ตันติวรวงศ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายในลักษณะของค่าเสื่อมราคาได้ 2 เท่าของรายจ่าย เพื่อการลงทุนหรือต่อเติมเปลี่ยนแปลง  ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้น ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ โดยเป็นการลงทุนใทรัพย์สิน ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559  ภาคเอกชนได้สำรวจความเห็นจากผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดีมาก แต่เนื่องจากระยะเวลาการใช้สิทธิ์ตามมาตรการค่อนข้างสั้น โดยผลการสำรวจของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่ามีสมาชิกประมาณร้อยละ  80 แจ้งว่าจะขอใช้สิทธิ์เพื่อขยายการลงทุนในปี 2560 ในส่วนของความคืบหน้าการขอขยายระยะเวลามาตรการฯ ขณะนี้กระทรวงการคลังจะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว โดยอาจจะเพิ่มเงื่อนไขบางกรณีเพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเพิ่ม ส่วนเงื่อนไขและระยะเวลายังอยู่ระหว่างการพิจารณา

หากมีการขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ จะช่วยสนับสนุนให้เอกชนขยายการลงทุน มีเม็ดเงินเอกชนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และจะเป็นการช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ให้เติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา  ซึ่ง กกร. คาดการณ์ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอยู่ในกรอบ ร้อยละ 3.5-4.0

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ นั้น กกร. ได้มีการประเมินความเสียหายเบื้องต้นไว้ 10,000-15,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและด้านคมนาคมในการเดินทางเป็นหลัก และเชื่อว่าจะคลี่คลายภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จึงถือว่าไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศมากนัก โดยหลังน้ำลดลงจะเข้าสู่การซ่อมสร้างถนนหนทางและการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงไปสู่จังหวัดต่างในภาคใต้กันมากขึ้น ที่สำคัญจังหวัดที่ได้เกิดน้ำท่วมหนักไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวมากนัก จึงไม่กระทบด้านการท่องเที่ยวเท่าที่ควรรวมถึงบางพื้นที่ที่มีโรงงานแม้จะถูกน้ำท่วมแต่ก็มีการทำประกันไว้แล้ว ดังนั้น ทางสมาคมธนาคารไทยจะขอให้แต่ละสถาบันการเงินให้การช่วยเหลือปล่อยสินเชื่อเพิ่มที่จะซ่อมสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ โดยทาง กกร.ขอแสดงความห่วงใยต่อผู้ประสบภัย จึงได้มีมติมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท ในนามสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้กันต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

พ่อขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิตจากตึก สตง.ถล่ม

พ่อของหนุ่มขอนแก่น วัย 35 ปี หนึ่งในผู้สูญหายจากอาคาร สตง.ถล่ม ขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิต ส่วนหนุ่มช่างประปา วัย 32 ปี เหยื่อตึก สตง.ถล่ม เผาแล้ว แม่ยังทำใจไม่ได้ สะอื้นไห้หน้าเมรุ

“ชัชชาติ” เผยเตรียมกู้ 5 ร่างที่พบ-ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน

ผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมกู้ 5 ร่าง จาก 14 ร่างที่พบ ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน ยันไม่ขีดเส้นตายหยุดช่วยเหลือ ปรับแผนเพิ่มการรื้อถอนด้วยเครื่องจักรหนักควบคู่ไปมากขึ้น