กกร.มั่นใจปี 60 ส่งออกกลับมาขยายตัวได้

กรุงเทพฯ 9 ม.ค.-กกร.มั่นใจสัญญาณส่งออกไทยเริ่มดีขึ้น ปรับกรอบจากโตเล็กน้อยเป็นโตได้มากกว่าร้อยละ 3   ส่วนผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ไม่มาก น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติใน 2 สัปดาห์


นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังเป็นประธาน กกร.ว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ แต่เศรษฐกิจไทยก็สามารถก้าวผ่านความท้าทายมาได้ โดยในช่วงสุดท้ายของปี ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ราคาสินค้าเกษตรบางรายการที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลและมาตรการภาครัฐเพื่อกระตุ้น       การใช้จ่ายในช่วงปลายปี  ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ​ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันสูงสุดในรอบ 20 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ระดับ 73.7  เทียบกับเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน อยู่ที่ 73.1 และ 72.3 ตามลำดับ เศรษฐกิจภูมิภาค โดยรวมภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล และภาคกลางปรับตัวดีขึ้นมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ


​อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ดังนั้น รัฐบาลมีแนวทางในการปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้สามารถรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในอนาคตได้ ภายใต้วงเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท  เพื่อนำวงเงินที่ได้ไปใช้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด  ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์.-กันยายน 2560

ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจัดทำงบประมาณในรูปแบบกลไกประชารัฐ โดย​สาระสำคัญในการจัดทำโครงการของกลุ่มจังหวัดดังกล่าว เป็นโครงการที่เน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจหรือด้านสังคม และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “มั่นคง  มั่งคั่ง ยั่งยืน” ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) นโยบายประเทศไทย 4.0 นโยบายรัฐบาล และ อัตลักษณ์ (Positioning) ของกลุ่ม จังหวัดและยังเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาและการกระจายความเจริญเติบโตระหว่างจังหวัด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนระดับฐานราก ได้อย่างทั่วถึงทุกกลุ่มจังหวัด และเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560

ทั้งนี้ ​ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการตามแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ เมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2560 ณ สำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาข้อเสนอโครงการของกลุ่มจังหวัดฯ ทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด โดยแบ่งงบประมาณออกเป็น 2 ส่วน คือ


งบประมาณ 70,000 ล้านบาท ตามที่เสนอโดย 18 กลุ่มจังหวัด (4,000 ล้านบาท กลุ่ม) งบประมาณ 30,000 ล้านบาท  ( กองทุน SME/Missing Links – Cross Regional หรือ Function to area /Big rock projects)

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณา ในวันที่ 16 มกราคม และ เสนอ สนช. ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์  และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ในเดือนเมษายนนี้  จะช่วยส่งผลในการขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ประมาณ ร้อยละ 0.3 -0.5 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณว่าจะเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ และ​คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปี 2559 ซึ่งการส่งออกในเดือนพฤศจิกายนมีมูลค่าการค้า 18,911 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว ร้อยละ 10.2 เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน  และในปีนี้แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลบวก ต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรบางรายการ กกร. จึงคาดการณ์ ในปี 2560  การส่งออกของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบ ร้อยละ 1.0- 3.0 จากกรอบเดิมร้อยละ 0.0 -2.0

ในด้านการท่องเที่ยวในปีนี้  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ  10 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.77 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 1.81 ล้านล้านบาท และรายได้ในประเทศ 950,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.51 หรือจำนวน 34.4 ล้านคน จากปีก่อนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยว 32.6 ล้านคนรวมถึง หากรัฐบาลสามารถผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในแผนประมาณ 956,600 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่า 45,600 ล้านบาท) โครงการที่อยู่ระหว่างการประมูล มูลค่า 488,000 ล้านบาทโครงการที่อยู่ระหว่างเสนอ ครม.อนุมัติ มูลค่า 176,000 ล้านบาท โครงการที่อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจา PPP มูลค่า 247,000 ล้านบาท จะช่วยทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของภาคเอกชน

นอกจากนี้ ภาคเอกชนได้มีการขอขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โดยได้มีหนังสือถึงนายอภิศักดิ์  ตันติวรวงศ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายในลักษณะของค่าเสื่อมราคาได้ 2 เท่าของรายจ่าย เพื่อการลงทุนหรือต่อเติมเปลี่ยนแปลง  ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้น ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ โดยเป็นการลงทุนใทรัพย์สิน ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559  ภาคเอกชนได้สำรวจความเห็นจากผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดีมาก แต่เนื่องจากระยะเวลาการใช้สิทธิ์ตามมาตรการค่อนข้างสั้น โดยผลการสำรวจของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่ามีสมาชิกประมาณร้อยละ  80 แจ้งว่าจะขอใช้สิทธิ์เพื่อขยายการลงทุนในปี 2560 ในส่วนของความคืบหน้าการขอขยายระยะเวลามาตรการฯ ขณะนี้กระทรวงการคลังจะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว โดยอาจจะเพิ่มเงื่อนไขบางกรณีเพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนเพิ่ม ส่วนเงื่อนไขและระยะเวลายังอยู่ระหว่างการพิจารณา

หากมีการขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ จะช่วยสนับสนุนให้เอกชนขยายการลงทุน มีเม็ดเงินเอกชนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และจะเป็นการช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ให้เติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา  ซึ่ง กกร. คาดการณ์ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอยู่ในกรอบ ร้อยละ 3.5-4.0

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ นั้น กกร. ได้มีการประเมินความเสียหายเบื้องต้นไว้ 10,000-15,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและด้านคมนาคมในการเดินทางเป็นหลัก และเชื่อว่าจะคลี่คลายภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จึงถือว่าไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศมากนัก โดยหลังน้ำลดลงจะเข้าสู่การซ่อมสร้างถนนหนทางและการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงไปสู่จังหวัดต่างในภาคใต้กันมากขึ้น ที่สำคัญจังหวัดที่ได้เกิดน้ำท่วมหนักไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวมากนัก จึงไม่กระทบด้านการท่องเที่ยวเท่าที่ควรรวมถึงบางพื้นที่ที่มีโรงงานแม้จะถูกน้ำท่วมแต่ก็มีการทำประกันไว้แล้ว ดังนั้น ทางสมาคมธนาคารไทยจะขอให้แต่ละสถาบันการเงินให้การช่วยเหลือปล่อยสินเชื่อเพิ่มที่จะซ่อมสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ โดยทาง กกร.ขอแสดงความห่วงใยต่อผู้ประสบภัย จึงได้มีมติมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท ในนามสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้กันต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย