“สมคิด” เร่งรัฐวิสาหกิจลงทุน

อยุธยา  8 ก.พ. –  รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจมอบนโยบายรัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน หวังช่วยขับเคลื่อนการลงทุนในภาพรวมของประเทศ ขณะที่คลังคาดเปิดขายกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ พ.ค.-มิ.ย.


ในการสัมมนารวมพลังวิสาหกิจให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง  มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายสมคิดมอบนโยบายให้ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ในเรื่องของการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย จัดทำแผนรัฐวิสาหกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยให้นำกรอบยุทธศาตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ไทยแลนด์ 4.0 มาจัดทำแผนรัฐวิสาหกิจ  สนับสนุนให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐ

ทั้งนี้  คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะขยายตัวดีกว่าปี 2559 ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.2  และมากกว่าปี 2558 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.8  โดยตัวขับเคลื่อนหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจปีนี้ คือ การลงทุนของรัฐวิสาหกิจในโครงการต่าง ๆ และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ  โดยประเทศไทยผ่านจุดที่ไม่ดีมาแล้ว โมเมนตัมค่อนข้างดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ออกมาค่อนข้างดี และล่าสุดได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่าจากดัชนีของปูนซีเมนต์ไทยที่ถือเป็นตัวที่น่าเชื่อถือและสะท้อนดีที่สุด คือ การเติบโตของวัสดุก่อสร้างที่เติบโตและคาดว่าจะเป็นบวกในรอบ 3 ปี เพราะเมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจขยับตัว ด้านวัสดุก่อสร้างจะขยับตามทันที ขณะที่รายได้เกษตรกรเริ่มดีขึ้น จากราคาสินค้าเกษตร รายได้คนชั้นกลางเพิ่มขึ้น โครงการภาครัฐที่กำลังจะออก


นอกจากนี้ ประเทศไทยจะสามารถพลิกกลับมาได้และเห็นโอกาสในช่วงที่เศรษฐกิจโลกไม่ดีและมีความไม่แน่นอนสูง เพราะถือเป็นโอกาสของภูมิภาคเอเชียที่จะต้องเร่งรวมตัวกันให้เหนียวแน่น  อย่างไรก็ตาม ยังจะต้องเชื่อมโยงกับกลุ่ม CLMV  ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เพื่อผนึกกำลังและสร้างจุดเด่น สำหรับประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยว โดยได้สั่งการให้การบินไทย หากอยากเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวจะต้องสร้างจุดเชื่อมโยงจังหวัดในเรื่องของการคมนาคม   ปัจจุบันมีสายการบินทั้งนกแอร์และไทยสมาย์ จะเชื่อมโยงสายการบินอย่างไร เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอย่างแท้จริงและไม่อยากให้มองสายการบินเอกชนเป็นคู่แข่ง

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังร่วมสัมมนาผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ หรือ SOE CEO Forum ว่า ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์วงเงิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนปิดไม่จำกัดอายุกองทุน  โดยเสนอขายนักลงทุนสถาบัน ทั้งภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ รวมถึงประชาชนทั่วไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายกองทุนเป็นครั้งแรกช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2560 ซึ่งจะระดมทุนก้อนแรกประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท

ทั้งนี้  เบื้องต้นโครงการที่จะนำมาแปลงเป็นหน่วยลงทุน คือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาเส้นทางที่จะนำเข้ามาแปลงเป็นหน่วยลงทุน ส่วนบริษัทอื่น ๆ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถนำโรงไฟฟ้าหรือสายส่งมาเข้ากองทุนได้เช่นเดียวกัน เพื่อระดมเงินไปลงทุนในโครงการต่าง ๆ เป็นต้น


“เบื้องต้นจะมีโครงการของ กทพ. เข้ากองทุนฯ ก่อน ซึ่งจะระดมทุนประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปก่อนและคนที่มาจองจะต้องได้ทั้งหมดทุกคน ส่วนผลตอบแทนยังไม่ได้ระบุว่าจะต้องได้เท่าไหร่ แต่ที่คุยกันก่อนหน้านี้ คือ ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 7-8 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์อยู่ในระดับต่ำ และกองทุนฯ นี้ค่อนข้างปลอดภัย” นายอภิศักดิ์ กล่าว

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ กทพ.จะพิจารณาเลือกเส้นทาง เบื้องต้น 3 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.เอกมัย-รามอินทรา 2.ทางพิเศษบูรพาวิถี 3.ดาวคะนอง ต่อวงแหวนรอบนอก ซึ่งเมื่อดูการจราจรแล้วพบว่าอัตราผลตอบแทนค่อนข้างดี

สำหรับหลักการนั้น ยกตัวอย่างเช่น ใน 1 ปี กทพ.มีรายได้จากโครงการดังกล่าว 100 ล้านบาท จะเลือก ร้อยละ  40-60  มาขายให้กับนักลงทุน  เช่น 40 ล้านบาท หรือร้อยละ 40  วงเงินประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท เพื่อเอาเงินที่ได้จากการขายให้ กทพ.ไปลงทุนต่อ ซึ่งการขายจะใช้หลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

“เมื่อประชุมและคัดเลือกเส้นทางได้แล้วจะส่งให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาก่อนส่งให้คณะกรรมการขับเคลื่อนที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และเสนอให้ ครม.อนุมัติ ก่อนยื่นไฟลิ่งกับ ก.ล.ต. คาดว่าจะประมาณเดือนมีนาคม 2560 ตามแผนเดิม และเสนอขายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2560 ส่วนผลตอบแทนประเมินจากการเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งเห็นจากโครงการอยู่ที่ร้อยละ 7-8 ถือเป็นระดับที่สูง เนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก การระดมเงินที่ได้ก็จะให้กับ กทพ.ทั้งหมด เพื่อนำไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อ” นายเอกนิติ กล่าว

ส่วนเงินระดมทุนที่ได้ของ กทพ.นั้น คาดว่าจะนำไปสร้างโครงการอื่น ๆ ต่อ โดยคาดว่าจะให้ ครม.อนุมัติเร็ว ๆ นี้ คือ เส้นทางพระราม 3-ดาวคะนอง และเส้นทางเกษตรนวมินทร์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 17 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย