“สมคิด” หนุนงานวิจัยปรับใช้เชิงอุตสาหกรรม

กระทรวงวิทย์ฯ  16 มี.ค. – รองนายกรัฐมนตรีสั่งกระทรวงวิทย์ฯ พัฒนางานวิจัยมาปรับใช้เชิงอุตสาหกรรม กระตุ้นเด็กให้เรียนวิทยาศาสตร์ เร่งเครื่องการสร้างเมืองนวัตกรรมอาหารให้สมบูรณ์ หลังเอกชนเริ่มทยอยเข้าใช้พื้นที่ หนุนเกษตรกรให้คนยุคใหม่ค้าขายผ่านออนไลน์


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีนางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รับมอบนโยบายการส่งเสริมให้เด็กนักเรียนตื่นตัวมีความต้องการเรียนด้านวิทยาศาสตร์ การส่งเสริมผ่านรางวัลของนายกรัฐมนตรี มุ่งส่งเสริมการเรียน 5 ด้านอุตสหากรรรมเป้าหมาย ไม่ใช่การส่งเสริมให้เด็กนักเรียนมุ่งแข่งขันด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิก เมื่อรับรางวัลแล้วหายไป โดยต้องมอบทุนให้เด็กนักเรียนต่อเนื่องและต่อเชื่อมไปสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ทุกโรงเรียนตื่นตัวการสอนวิทยาศาสตร์มากขึ้น

นายสมคิด กล่าวว่า ต้องการให้ทุกส่วนเน้นการเพิ่มงานวิจัยและพัฒนาผ่านใช้งบประมาณในสัดส่วนสูงขึ้นเทียบกับต่างประเทศ โดยให้มีสัดส่วนร้อยละ 1 ของจีดีพีในปี 2561 และเพิ่มต่อเนื่องในปีต่อไป  รัฐบาลพร้อมประสานกับสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรในส่วนที่จำเป็น เพื่อมองเห็นเป้าหมายส่งเสริมการวิจัย หลังจากรัฐบาลส่งเสริมการตั้งสำนักงานนวัตกรรมด้านอาหาร ไอโบ นาโนเทคโนโลยี ในรูปแบบอุทยานวิทยาศาสตร์ รองรับการบริการกับภาคเอกชน เพราะมีเอกชนต่างชาติต้องการเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก หลังจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รายางานว่างบการวิจัยและพัฒนาฯ ปี 2558 มีสัดส่วนร้อยละ 0.62 ของจีดีพีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 85,000 ล้านบาท คาดว่าปี 2559 มีสัดส่วนร้อยละ 0.75 และเพิ่มเป็นร้อยละ 1 ในปี 2561 ขณะที่นักวิจัยทั้งประเทศมี 160,000 ราย อยู่ในภาคเอกชน 60,000 ราย จึงต้องการให้เพิ่มสัดส่วนนักวิจัยและต้องการให้เทียบกับเวียดนาม เพราะเป็นคู่แข่งของไทย


ทั้งนี้ เพื่อต้องการขับเคลื่อนปี 2560 – 2561 การพัฒนา Food innopolis โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) การส่งเสริมผู้ประกอบการ Startup โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.)  การส่งเสริม Innovation Museum โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) การสร้างEastern Economic Corridor of innovation (EECI) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อฐานราก โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) หลังจากที่ผ่านมากระทรวงวิทยาศาสตรฯ ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สินค้าโอทอป นำงานวิจัยและพัฒนามาปรับปรุงสินค้า หลังจากได้รับการยกเว้นภาษี 3 เท่า การขึ้นบัญชีนวัตกรรม ให้นำรายชื่อเอสเอ็มอี เกษตรกรที่มีศักยภาพนำมาพัฒนาตามกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งเสริม Bio Economy

นายสมคิด ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมประชุมคณะกรรมการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)  ที่จังหวัดระยองวันที่ 5 เมษายน ส่วนหนึ่งเพื่อสร้าง Eastern Economic Corridor of innovation (EECI) เพื่อให้เกิดเมืองนวัตกรรมในภาคตะวันออกอย่างจริงจัง ยอมรับว่าการเตรียมงานคืบหน้ามากน่าพอใจ การสร้าง EECI จะใช้พื้นที่ของ ปตท. จึงเตรียมลงนามการใช้ประโยชน์พื้นที่และลงนามร่วมกับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาช่วยเหลือ  เช่น ผู้ว่ามณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีนเตรียมเดินทางมาหารือกับไทย และญี่จะตามมาด้วย ไทยจึงต้องตั้งรับมือดังกล่าว และเตรียมนำเรื่องแนวทางการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาจะทำให้ทุกค่ายรถยนต์หันมาตามนโยบายของไทย และการตั้งกรมรางรองรับการสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง

เจ้าหน้าที่รายงานที่ประชุม ว่า ความคืบหน้าการสร้างเมืองนวัตกรรมอาหารบนเนื้อที่ 200 ไร่ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา จึงมีเอกชนทยอยเข้าใช้พื้นที่ 10 ราย เช่น Red Bull เปปซี่ ซีพีเอฟ มิตรผล นมเมจิ อายิโนะโมะโตะ คาดว่าจะเกิดการลงทุนใหม่ 1,500 ล้านบาทต่อปี และสร้างรายได้ในเมืองนวัตกรรม 3,000 ล้านบาทต่อปี นายสมคิด ย้ำว่าเมืองนวัตกรรมอาหารของไทยนับมีศักยภาพสูงมาก จึงต้องการส่งเสริมอย่างจริงจังผ่านความร่วมมือทั้งมหาวิทยาลัย เอกชน หน่วยงานรัฐ เพื่อกระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ


ที่ประชุมรายงานว่าเป้าหมายการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ Start Up 100,000 ราย ขณะนี้มีนักศึกษาเสนอโปรแกรมมาช่วยพัฒนา 29,519 ราย และโครงการพี่ช่วยน้อง เพื่อให้เอกชนรายใหญ่มาช่วยเหลือเอสเอ็มอี  และการร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคเกษตร นำมาช่วยเหลือผ่านการใช้เทคโนโลยี วิจัยและพัฒนา เพื่อคัดสินค้าที่มีศักยภาพนำมาพัฒนาเกษตรสมัยใหม่  การเพิ่มมูลค่าสินค้า เพื่อปรับภาพลักษณ์เกษตรกรให้คนยุคใหม่ ค้าขายผ่านออนไลน์ นำคนรุ่นใหม่เข้ามาอยู่ในภาคเกษตรโดยมองเห็นผลตอบแทนที่สูง จึงต้องการส่งเสริมและผลักดันอย่างจริงจัง

“เมื่อรัฐบาลมุ่งพัฒนากุล่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ปีหน้าจึงต้องการเห็นไทยแลนด์สตาร์ทอัพเกิดขึ้นชัดเจน จึงเชื่อมั่นในอีก 2 ปี ข้างหน้าไทยจะเป็นผ่าน Tranform Thailand To Start Up เพื่อทุกอย่างเติบโตอย่างยั่งยืนจะทำให้จีดีพีของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ต้องมาถูกแนะนำจากธนาคารโลก”  นายสมคิด กล่าว

นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ  กล่าวว่า  พร้อมสนับสนุนรางวัลระดับชาติ เพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนสนใจและตื่นงานด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น และมุ่งส่งเสริมเมืองนวัตกรรม เมืองแห่งอนาคต เป็นแหล่งกระตุ้นให้เด็กสนใจงานด้านนวัตกรรม มองเห็นอนาคต โดยนำภาคเอกชนมาร่วมจัดตั้งศูนย์ 2,100 ล้านบาท จึงเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาเร็ว ๆ นี้  สำหรับการสร้าง Eastern Economic Corridor of innovation (EECI) เพื่อสนับสนุนการวิจัย  จึงต้องการเร่งรัดการพัฒนาหุ่นยนต์ไบโอชีวภาพ  Bio Economy ร่วมกับมหาวิทยาลัยและยังไม่มีผู้ดำเนินการ จึงต้องการส่งเสริมดำเนินโครงการโดยเร็ว สำหรับการส่งเสริมผู้ประกอบการ Start Up จะเริ่มเน้นนำต่างชาติมาร่วมพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ และมหาวิทยาลัย 30 แห่งมาร่วมพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้นักศึกษาพัฒนาธุรกิจใหม่ 550 รายในปี 2560  ตลอดจนการพัฒนาย่านนวัตกรรมธุรกิจ เช่น สามย่าน สยามสแคว์  คลองสาน กล้วยน้ำไทย ชลบุรี เชียงใหม่ เพื่อให้สถาบันการศึกษา เอกชน มาร่วมพัฒนาให้แป็นแหล่งนวัตกรรมธุรกิจ เกิดขึ้นในหลายพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]

ชาวบ้านร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยเหตุกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ

ศรีสะเกษ 2 ส.ค.-เช้านี้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ เต็มไปด้วยความสลด ชาวบ้านร่วมกิจกรรมวางดอกไม้แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิต จากเหตุถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทยอยเดินทางมาที่ปั๊ม ที่ถูกกัมพูชาโจมตีโดยการยิงจรวด BM-21 ใส่ เมื่อวันที่24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจรวจตกใส่บริเวณร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ชาวบ้านร่วมกันเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัย ก่อนร่วมกันนำข้อความพร้อมดอกไม้ชูขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าการที่ทหารกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากนั้นได้รวมกันนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความไว้อาลัยบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่ถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่มาร่วม วางดอกไม้ แสดงความไว้อาลัย ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า การร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมขอประณามกัมพูชา ที่เลือกยิงเป้าหมายเป็นประชาชน ทั้งที่ตำบลเมืองถือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ยังมีกระสุนตกใส่ และการที่เป็นพื้นที่สีเขียว จึงไม่ได้มีการอพยพประชาชน หากตกใส่หมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน

กทม. 2 ส.ค.-กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ •ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย •ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร […]